โควิดทำพิษ! เจ้าของร้านอาหารดัง ประกาศขายรถหรู 2 คัน หาเงินเลี้ยงลูกน้อง
โควิดทำพิษ! เจ้าของร้านอาหารดัง ประกาศขายรถหรู 2 คัน หาเงินเลี้ยงลูกน้อง ชี้ไม่อยากทิ้งคนที่ทำงานมาร่วมกัน โอดสู้ทุกระลอกแล้ว แต่ไม่ไหว
26 ก.ค. 2564 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร้านอาหารชื่อดัง ปากช่อง เรทเทอรองต์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ทำให้แทบไม่มีลูกค้า จากปกติที่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก
คุณมนัสยา ไหลสกุล เจ้าของร้าน เล่าว่า แต่ก่อนร้านมีลูกค้าเข้ามานั่งทานในร้านอาหารทุกวัน ยอดขายดี ถึงขนาดต้องจองโต๊ะกัน ทว่าตั้งแต่โควิดระบาดระลอกแรก ระลอก 2-3 ตามมา จนถึงระลอกนี้ ทางร้านก็ได้ให้ความร่วมมือมาโดยตลอด
การประกาศล็อกดาวน์ ไม่ให้นั่งทานในร้าน ไม่จำหน่ายแอลกฮอลล์ เราต่อสู้กันมาทุกระลอก ปรับกลยุทธ์กันมาทุกครั้ง ทั้งปรับลดพนักงาน สั่งพักหยุดน้อง ๆ ที่เล่นดนตรีในร้าน เด็กเสิร์ฟ ปรับตัวใหม่ เป็นขายแบบออนไลน์ ไลพ์สดขายอาหาร เพิ่มโปรโมชั่น ลดราคา หั่นราคา บริการส่งแบบเดลิเวอรี ทุกระบบ สู้จนทุกทาง ก็ไม่ไหว เพราะยอดขายไม่ดีเลย
การทำร้านอาหาร มีค่าใช้จ่ายเยอะ ทั้งค่าพนักงานแม่ครัว เด็กในร้าน ซึ่งที่ร้านบางคนก็ทำงานกันมาเป็น 10 ปี เราจะทิ้งเขาได้อย่างไร ในวันที่สถานการณ์เป็นแบบนี้ ถามว่าถ้าปิดกิจการไป ลูกน้องที่เหลือ เราก็ทิ้งเขาไม่ลง ก็จับมือสู้กันต่อ
เจ้าของร้าน เล่าต่อว่า แต่พอมาถึงระลอกนี้ มันไม่ไหวแล้วจริง ๆ ด้วยสถานการณ์เรื่องวัคซีน เรื่องการระบาด ที่ยังควบคุมไม่ได้ ทำให้พนักงานทุกคนเกิดความเสี่ยง ทุกคนอยู่ในภาวะกลัว ตื่นตระหนกกันไปหมด ใครรู้สึกไม่สบายขึ้นมา ทุกคนก็จิตตก กลัวว่าจะเอาเชื้อมาแพร่กันในร้าน เจ้าของร้านเองก็เครียดตามไปด้วย เตียงก็ไม่มีรักษา ที่ตรวจก็แพงอันละ 450 บาท
เราก็ให้กำลังใจกันทุกวัน แต่ลูกน้อง เขามีค่าใช้จ่าย ค่าเช่าห้อง ค่ากิน ค่าเลี้ยงดูครอบครัว ไม่ทำงานที่นี่ ก็ไม่รู็จะไปทำงานที่ไหนตอนนี้ เราก็แบกรับภาระค่าใช้จ่ายมาหลายระลอก จนถึงระลอกนี้ ตนจึงตัดสินใจขายรถ ทั้ง 2 คัน ทั้ง เบนซ์ และ รถ BMW ติดป้ายขายไว้หน้าร้าน คิดว่าเพื่อนำเงินมาประคองร้าน และ เลี้ยงดูลูกน้อง พนักงานในร้านไว้ก่อน ปิดกิจการคงเป็นทางเลือกสุดท้าย หากไม่ไหวจริง ๆ
"ในฐานะผู้ประกอบการ ทำร้านอาหารมานับ 10 ปี ระลอกนี้ถือว่าร้ายแรงที่สุดในชีวิต เราต่อสู้มาทุกระลอก ไม่มีรอบไหนเลย ที่เราไม่ต่อสู้ เราพยายามเต็มที่แล้ว เราบอบช้ำ และก็ลากกันมาถึงขีดสุด เรายังมองไม่เห็นทางออกเลย"