รีเซต

สหรัฐฯกำลังจะพ่ายแพ้จีน? ศึกชิงจ้าวแห่งเอไอ ความหวังกุมอำนาจโลกด้วย "เทคโนโลยี"

สหรัฐฯกำลังจะพ่ายแพ้จีน? ศึกชิงจ้าวแห่งเอไอ ความหวังกุมอำนาจโลกด้วย "เทคโนโลยี"
TNN ช่อง16
24 พฤศจิกายน 2568 ( 08:00 )

ซีอีโอ "อินวิเดีย" ลั่น จีนกำลังจะชนะในศึกเอไอ สงครามเทคโนโลยีที่สหรัฐฯ อาจจะเพลี่ยงพล้ำ?  



"ศึกเอไอ" เป็นอีกหนึ่งเกมที่จะเปลี่ยนโลก มหาอำนาจทั้งสหรัฐฯ และจีน จึงเร่งกำลังประกาศศักดา และเดินเกมกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อหวังขึ้นเป็นเบอร์ 1  จนถูกเรียกว่านี่คือ เทควอร์ หรือสงครามเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดการส่งออกตัวชิปเอไอขั้นสูงโดยตรงจากฝั่งสหรัฐฯ  และการจำกัดแร่หายากที่มีผลต่อการผลิตชิปจากฝั่งของจีน


ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ (FT) รายงานว่า "เจนเซน หวง" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ที่ได้ออกมาส่งสัญญาณเตือนว่า จีนกำลังจะเอาชนะสหรัฐอเมริกาในการแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) พร้อมกับย้ำว่าสหรัฐฯ จำเป็นต้องเร่งเครื่องเพื่อคว้าชัยชนะในศึกเทคโนโลยีครั้งสำคัญนี้ โดยเจนเซน หวงให้สัมภาษณ์กับสื่อดังกล่าว นอกรอบการประชุมสุดยอด Future of AI Summit พร้อมระบุเลยว่า “จีนกำลังจะชนะในศึก AI”


แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นาน เจนเซน หวงออกมาอธิบายคำพูดของตนเองดังกล่าว โดยเขาได้โพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X ในเวลาต่อมา เพื่อขยายความว่า “เขาได้เคยออกมาย้ำโดยตลอดแล้วว่า จีนตามหลังอเมริกาในเรื่อง AI แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่อเมริกาจะต้องเอาชนะด้วยการเร่งสปีดทิ้งห่าง และต้องคว้าใจนักพัฒนาจากทั่วโลกมาให้ได้”


ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเคลื่อนไหวเรื่องการคุมเข้มการเข้าถึงชิป AI ขั้นสูง โดยเฉพาะชิปของอินวิเดีย ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่และสำคัญ ด้วยมูลค่าตลาดที่สูงในระดับโลก จึงถือว่าอินวีเดียเป็นหมากสำคัญ เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ทั้งสองชาติต้องการครอบครองเพื่อช่วงชิงความเป็นใหญ่


ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ลั่นวาจาเอาไว้ว่า สหรัฐอเมริกาจะทำทุกวิถีทาง เพื่อเป็นผู้นำโลกด้านปัญญาประดิษฐ์  โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลทรัมป์ได้เปิดตัวแผนแม่บทด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI Blueprint) ที่มุ่งผ่อนคลายกฎสิ่งแวดล้อมและขยายการส่งออกเทคโนโลยี AI ให้พันธมิตร 


และล่าสุดต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมาประกาศว่า ชิป Blackwell ซึ่งเป็นชิปรุ่นที่ทันสมัยที่สุดของอินวิเดีย เป็นชิปประมวลผลขั้นสูงที่สุดในโลก ควรสงวนไว้สำหรับลูกค้าหรือบริษัทชาวอเมริกันเท่านั้น โดยทรัมป์กล่าวเสริมว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะอนุญาตให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีของอินวิเดียได้ แต่ไม่ใช่ในส่วนที่เกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ที่ล้ำสมัยที่สุด หรือหมายความว่าสหรัฐฯ ได้สั่งห้ามส่งออกชิปเอไอรุ่น Blackwell ของ Nvidia และจะจำกัดให้ใช้เฉพาะแค่ในสหรัฐฯเท่านั้น เพื่อรักษาความได้เปรียบเหนือประเทศจีนในสมรภูมิแห่ง AI


อย่างไรก็ตามด้าน ซีอีโอของอินวีเดีย กล่าวว่า บริษัทไม่ได้ยื่นขอใบอนุญาตส่งออกไปยังจีน เนื่องจากรัฐบาลจีนมีท่าทีไม่ต้องการให้ Nvidia เข้าตลาดจีนในขณะนี้” โดยเขากล่าวระหว่างงานสำหรับนักพัฒนาเพิ่มเติมว่า “เราต้องการเข้าถึงตลาดจีน เพื่อสร้างรายได้มาสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาในสหรัฐ” 



ทางการจีนเร่งปรับตัวครั้งใหญ่ สั่งศูนย์ข้อมูลรัฐ ใช้เฉพาะชิป AI ผลิตในประเทศ ตัดขาดเทคโนโลยีตะวันตก


หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า สหรัฐฯจะสั่้งห้ามการส่งออก ชิป Nvidia รุ่นที่ล้ำหน้าที่สุดมายังจีน รัฐบาลจีนก็ได้ตอบโต้กลับทันที ด้วยการออกมาตรการใหม่ สั่งให้ศูนย์ข้อมูลหรือดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ในประเทศที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล จะต้องใช้เฉพาะชิปปัญญาประดิษฐ์หรือชิปเอไอ  ที่ผลิตภายในประเทศจีนเท่านั้น 


ตามรายงานของรอยเตอร์ระบุว่าหน่วยงานกำกับดูแลของจีนได้แจ้งต่อผู้พัฒนาโครงการศูนย์ข้อมูลที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างน้อยกว่า 30% ให้ ถอดถอนชิปต่างชาติออกทั้งหมด หรือยกเลิกคำสั่งซื้อที่เกี่ยวข้อง ส่วนโครงการที่คืบหน้าไปมากกว่านั้นจะถูกพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป


การตัดสินใจล่าสุดของรัฐบาลจีนครั้งนี้เหมือนกับฟ้าผ่า เพราะอาจทำให้ Nvidia สูญเสียตลาดจีนไปทั้งหมดโดยสิ้นเชิง และจะช่วยเปิดทางให้บริษัทท้องถิ่นรายอื่นๆ เช่น  Huawei, Cambricon, MetaX, Moore Threads และ Enflame ได้ขยายส่วนแบ่งตลาดเข้ามาในจีนมากขึ้น 


ข้อมูลของรอยเตอร์ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2564 รัฐบาลจีนได้อัดฉีดเงินสนับสนุนโครงการศูนย์ข้อมูลด้าน AI ไปแล้วมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยส่วนใหญ่ได้รับเงินทุนจากภาครัฐในบางส่วน ซึ่งจะทำให้โครงการจำนวนมากต้องอยู่ภายใต้นโยบายใหม่


ขณะที่แหล่งข่าวเผยว่ามีบางโครงการต้องถูกระงับก่อนเริ่มก่อสร้าง เช่น ศูนย์ข้อมูลแห่งหนึ่งในมณฑลทางตะวันตกเฉียงเหนือที่วางแผนจะใช้ชิปของ Nvidia ขณะนี้ถูกสั่งพักดำเนินการชั่วคราวไปแล้ว


และความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่แข็งกร้าวที่สุดของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติและเร่งเป้าหมายอธิปไตยทางเทคโนโลยีของตนเอง และเป็นสัญญาณชัดเจนว่าจีนจะขอเดินหน้าตัดขาด เทคโนโลยีต่างชาติในโครงสร้างพื้นฐานสำคัญอย่างศูนย์ข้อมูล และมุ่งสร้างระบบนิเวศ AI ที่ขับเคลื่อนด้วยชิปสัญชาติจีนอย่างเต็มรูปแบบ


ย้อนกลับไปกระแสของเอไอ ได้บูมขึ้นมา และสหรัฐอเมริกาเป็นผู้เล่นรายสำคัญที่เริ่มต้นเดินหน้าเรื่องดังกล่าว ขณะที่จีนคือผู้ท้าชิงรายเดียวที่ไล่ทันแทบรดหายใจต้นคอ หากยังจำกันได้กรณีที่โด่งดังที่สุด ต้องยกให้  ดีพซีกจากจีน ที่ขึ้นมาท้าชน Chat GPT เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา (2568) จนกลายเป็นปรากฎการณ์เขย่าวงการเทคสหรัฐฯ และทำให้หุ้น 7 นางฟ้าต้องสั่นคลอนมาแล้ว 


ผู้นำของจีนประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เคยกล่าวเอาไว้ว่า AI ไม่ควรเป็นเกมของประเทศร่ำรวย พร้อมประกาศตั้งองค์การระหว่างประเทศเพื่อให้ AI เข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม


สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เกือบ 3 ปี หลังจากที่สหรัฐฯได้จุดกระแสการปฏิวัติ AI โลก จีนก็ไล่ตามสหรัฐฯได้อย่างรวดเร็ว บริษัทเทคโนโลยีของจีนไม่ว่าจะเป็น DeepSeek, Alibaba Group Holding และ Moonshot ต่างก็มีการพัฒนาโมเดล AI ที่ทัดเทียมหรือเข้าใกล้ระบบของบริษัทสหรัฐฯ มากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่้งสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากแรงผลักดันอย่างแรงกล้าของรัฐบาลจีนที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ประกาศให้เอไอ และความเป็นผู้นำด้านเอไอของจีน เป็นวาระแห่งชาติ ผ่านการเร่งอัดฉีดงบมหาศาล สร้างดาต้าฮับทั่วทั้งประเทศ แถมยังมีแผนระยาวที่ลงลึกไปถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานตั้งแต่เด็กเล็ก ด้วยการสอน AI ตั้งแต่ประถมศึกษา หวังผลิตบุคลากรหัวกะทิรองรับตลาดในอนาคต 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง