รีเซต

รู้จัก “CI 2.0” ความหวังขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนของอาเซียนสู่ปี 2045

รู้จัก “CI 2.0” ความหวังขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนของอาเซียนสู่ปี 2045
TNN ช่อง16
1 ตุลาคม 2568 ( 05:30 )
9

ประเทศไทยในฐานะผู้ประสานงานของอาเซียนด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนมาตั้งแต่ปี 2016 มีบทบาทนำในการผลักดันความร่วมมือระดับภูมิภาคมาโดยตลอด ล่าสุด ไทยได้เปิดตัว "ข้อริเริ่มความเกื้อกูล 2.0 (Complementarities Initiative 2.0 หรือ CI 2.0) ที่คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ซึ่งข้อริเริ่มดังกล่าวถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของอาเซียน


นายพลพงศ์ วังแพน อธิบดีกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับการเปิดตัว CI 2.0 เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2025 โดยเผยว่า ข้อริเริ่มดังกล่าวเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2017 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างไทยกับสหประชาชาติ (UN) เพื่อเชื่อมโยง วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2025 เข้ากับ วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน 2030 (Agenda 2030) ของ UN 


CI ฉบับแรกมุ่งเน้นใน 5 สาขาหลัก ได้แก่ การขจัดความยากจน, การผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน, การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมโยง และการรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเวลาต่อมา



เมื่อวิสัยทัศน์อาเซียน 2025 กำลังจะสิ้นสุดลง และผู้นำอาเซียนได้ให้การรับรอง “วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2045” เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยจึงได้ผลักดัน CI 2.0 เพื่อสานต่อและยกระดับความร่วมมือให้สอดคล้องกับความท้าทายในอนาคต


นายพลพงศ์กล่าวว่า เป้าหมายหลักของ CI 2.0 จะมุ่งเน้นประเด็นสำคัญที่เป็นรากฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งประกอบด้วย

• การเงินสีเขียว (Green Finance): ส่งเสริมการลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

• การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change): สร้างความร่วมมือเพื่อรับมือผลกระทบต่างๆ

• การเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน (Energy Transition): ผลักดันการใช้พลังงานสะอาดและยั่งยืน

• การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation): ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนา

• การสร้างเครือข่ายหุ้นส่วน (Partnership): ขยายความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาและภาคส่วนต่างๆ เพื่อระดมทรัพยากรและความรู้

นายพลพงศ์ย้ำว่าการขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านกรอบของ CI 2.0 ก่อให้เกิดประโยชน์หลายมิติ อาทิ

1. แก้ปัญหาร่วมกัน: เป็นเวทีให้ประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งเผชิญปัญหาข้ามพรมแดนคล้ายคลึงกันได้แก้ไขปัญหาร่วมกัน เช่น การร่วมกันหาทางออกปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ 

2. ช่วยลดความขัดแย้ง: ประเด็นด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนมีความอ่อนไหวทางการเมืองน้อย ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่สร้างสรรค์และเชื่อมโยงประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเข้าด้วยกัน

3. สร้างขีดความสามารถ: ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาขีดความสามารถ (Capacity Building) ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมกับบริบทของตนเอง


ทั้งนี้ ในการสนับสนุนการขับเคลื่อนวาระดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม  อธิบดีกรมอาเซียนเผยว่า ประเทศไทยได้จัดตั้ง “ศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน” (ACSDSD) ขึ้นที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งศูนย์แห่งนี้ได้ทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนโครงการและความร่วมมือภายใต้กรอบ CI ทั้งฉบับแรกและ CI 2.0 เพื่อสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริงในภูมิภาคอาเซียนและส่งเสริมความพยายามในระดับโลกต่อไป


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง