พ่อเมืองยะลาวางมาตรการสกัด 'โอไมครอน' เข้ม หลังมาเลเซียพบผู้ป่วยแล้ว แย้มกำลังพิจารณาจัดงานปีใหม่

จากกรณีที่มาเลเซียพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรก เป็นหญิงอายุ 19 ปี นักเรียนต่างชาติที่ผ่านการกักตัวแล้ว หลังจากเดินทางกลับมาจากแอฟริกาใต้เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ทว่าทางการมาเลเซียขอให้นักเรียนรายนี้มาตรวจซ้ำอีกรอบ หลังจากองค์การอนามัยโลกประกาศว่าเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และพบว่าเป็นเชื้อโอไมครอนในที่สุด

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม นายภิรมย์ นิลทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า จ.ยะลา ส่วนที่เป็นรอยต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งช่องทางธรรมชาติและช่องทางปกติจะอยู่ที่ อ.เบตง อย่างที่ทราบกันว่าที่ด่านทั้งฝั่งเบตงและฝั่งมาเลเซียยังไม่เปิด ส่วนที่กังวลว่าจะมีการลักลอบเข้ามาตามช่องทางธรรมชาตินั้น ทางจังหวัดไม่ห่วง เพราะมีกองกำลังป้องกันชายแดนคอยดูแลอยู่ และได้มีการสั่งการให้เพิ่มมาตรการในการตรวจสอบให้มากยิ่งขึ้น

นายภิรมย์กล่าวว่า ที่กังวลใจคือขณะนี้เปิดให้รถขนส่งสินค้าวิ่งผ่านเข้ามาได้ แต่ได้สั่งการให้ตรวจสอบคุมเข้มมากขึ้นกว่าเดิม ใช้มาตรการตรวจสอบรถขนส่งสินค้าที่เข้ามาตามมาตรการหลักของกระทรวงสาธารณสุข เว้นระยะห่าง งดการสัมผัส และที่สำคัญคือการตรวจ ATK

“โอไมครอน ถามว่ากังวลไหม เราอยู่ชายแดนต้องกังวล แต่ได้วางมาตรการป้องกันช่องทางต่างๆ โชคดีที่ช่องทางธรรมชาติมีน้อยมาก ต่างจากนราธิวาสที่มีเยอะกว่า แต่ก็ไม่ประมาท คนที่จะผ่านเข้ามาในพื้นที่ก็จะรู้ทันที เนื่องจากพี่น้องประชาชนชาวบ้านจะเป็นหูเป็นตาให้ แต่อย่างไรก็ตาม กองกำลังต่างๆ ทุกฝ่ายก็จะทำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้พี่น้องได้อุ่นใจว่ามาตรการของ จ.ยะลา มีความเข้มแข็ง” นายภิรมย์กล่าว

นายภิรมย์กล่าวอีกว่า สำหรับรถขนส่งสินค้าที่ผ่านเข้ามาทางด่านเบตงก็จะมีการจำกัดพื้นที่ที่จะมีการทำงานร่วมกัน ตั้งแต่ศุลกากร ตรวจคนเข้าเมือง ด่านตรวจพืช ตรวจสัตว์ ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ซึ่งรถขนส่งจะเข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่จำกัดเอาไว้เพื่อขนถ่ายสินค้า และเมื่อเข้ามาก็ไม่สามารถออกไปไหนได้ และคนที่เข้ามาจะต้องฉีดวัคซีนไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือชาวมาเลยเซียที่ขับรถเข้ามา รวมทั้งต้องผ่านการตรวจ ATK 72 ชั่วโมง และต้องมีใบรับรอง อย่างไรก็ตาม สำหรับพื้นที่ยะลา ล่าสุดยอดการฉีดวัคซีนของคนยะลาถือว่ามากที่สุดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังคงเร่งฉีดให้พี่น้องประชาชนกันอย่างต่อเนื่องให้มากที่สุดก่อนวันปีใหม่ อาจจะมีการจัดงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ให้ประชาชนในพื้นที่ได้คลายความเครียด ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะสามารถจัดได้หรือไม่