รีเซต

STIเซ็นรับงานรัฐ แบ็กล็อก4พันล. บิ๊กโปรเจ็กต์อื้อ

STIเซ็นรับงานรัฐ แบ็กล็อก4พันล. บิ๊กโปรเจ็กต์อื้อ
ทันหุ้น
22 กรกฎาคม 2564 ( 05:54 )
30
STIเซ็นรับงานรัฐ แบ็กล็อก4พันล. บิ๊กโปรเจ็กต์อื้อ

 

ทันหุ้น - STI เซ็นสัญญาคว้างานที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง โครงการศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่แล้ว เตรียมตอกเสาเข็มกันยายน 64 นี้ คาดใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี หนุนแบ็กล็อกกลุ่ม STI แน่นกว่า 4 พันล้านบาท เดินหน้าลุยประมูลบิ๊กโปรเจ็กต์ช่วงครึ่งปีหลังเพียบ

 

ด้าน นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI กล่าวว่า ความคืบหน้าล่าสุด โครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่ โดย STI ได้รับคัดเลือกให้เป็นที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง โดยมี นายไพรัช เล้าประเสริฐ ประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วย นายกิตติศักดิ์ สุภาควัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมลงนามกับกระทรวงมหาดไทย ในสัญญาอย่างเป็นทางการ และถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ ด้วยมูลค่าโครงการก่อสร้างรวมสูงกว่า 5.57 พันล้านบาท และงานบริหารควบคุมการก่อสร้าง มูลค่า 142 ล้านบาท

 

ลงเสาเข็ม ก.ย.นี้

 

สำหรับผังแม่บทโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่ เป็นอาคารหลังเดียวมีพื้นที่รวมประมาณ 215,000 ตารางเมตร สูง 21 ชั้น มีชั้นใต้ดินสำหรับจอดรถยนต์ 3 ชั้น เป็นที่ตั้งของส่วนราชการ 6 แห่ง ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวง, กรมการปกครอง, กรมที่ดิน, กรมการพัฒนาชุมชน, กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

 

อย่างไรก็ดี แม้ภายใต้สถานการณ์โควิด STI ยังเตรียมความพร้อมในการดำเนินงานผ่านระบบออนไลน์ พร้อมทั้งประสานงานร่วมกันในทุกส่วนงานได้อย่างดีเยี่ยม เพื่อสนับสนุนแผนการก่อสร้างให้เป็นไปตามกำหนด โดยปัจจุบันโครงการกำหนดการตอกเสาเข็มในช่วงเดือนกันยายน 2564 คาดใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี

 

แบ็กล็อก 4 พันล.

 

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทได้รับความไว้วางใจให้เข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารโครงการชั้นนำมากมาย สนับสนุนให้ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ในระดับสูง เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม หรืออยู่ที่กว่า 4,000 ล้านบาท เตรียมทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ และต่อเนื่องไปจนถึง 3-
4 ปีข้างหน้า

 

อนึ่ง กลุ่มบริษัทได้ยกระดับการบริหารจัดการภายใต้สถานการณ์โควิด พร้อมเดินหน้าลุยประมูลบิ๊กโปรเจ็กต์ในช่วงครึ่งปีหลังเต็มกำลัง โดยมี บริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด หรือ AEC ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม ช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการรับงานที่ปรึกษาโครงสร้างพื้นฐาน และการ Synergy ควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย และมองว่าหากสถานการณ์โควิดผ่อนคลาย งานก่อสร้างซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศจะเร่งลงทุนตามแผนการอัดฉีดงบประมาณ เป็นโอกาสให้กลุ่มบริษัทได้รับงานต่อเนื่องในอนาคต

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง