WICEชูรถอีวีลดต้นทุน เป้าข้ามแดน 3 พันเที่ยว

#WICE #ทันหุ้น – WICE เล็งปรับใช้รถบรรทุกไฟฟ้า (EV TRUCK) ลดต้นทุน แย้มปัจจุบันเจรจาพันธมิตรที่ทำรถบรรทุกไฟฟ้าแล้ว พร้อมเดินตามแผนนำ ETL ธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนเข้าตลาดหุ้นปลายปีนี้ ระดมทุนขยายงานต่างประเทศ เผยการขนส่งรถไฟข้ามแดนโตสูง ตั้งเป้าขยายงานได้ 3 พันเที่ยว หวังโกยรายได้ 500-600 ล้านบาท ดันรายได้ปีนี้โต 20% แย้มไตรมาส 2/2565 ปิดดีลลูกค้าเช่าคลังสินค้า

นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อว่าผลประกอบการในปี 2565 นี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 20% หรือทำได้ราว 9,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ราว 7,669 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตปีนี้จะมาจากการขนส่งทุกรูปแบบทั้งการขนส่งทางทะเล (Sea Freight) การขนส่งทางอากาศ (Air Freight) การขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross Border Service) และงานซัพพลายเชนโซลูชันส์

*ขนส่งข้ามแดนโตดี

ทั้งนี้ในส่วนของธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross Border Service) ภายใต้การบริหารงานของบริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (ETL)ได้มีการให้บริการการขนส่งทางรถไฟ (Road-Rail Service) โดยการเชื่อมต่อเส้นทางการขนส่งทางรถบรรทุกไปยังรถไฟ จากประเทศลาว – จีน โดยในไตรมาส 1/2565 มีการให้บริการไปกว่า 200 เที่ยว ซึ่งมีโอกาสเติบโตได้อย่างมาก จากกลุ่มสินค้าการส่งออกหลักคืออิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้า High Valueทำให้มูลค่าการขนส่งต่อตู้คอนเทนเนอร์ไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท

อย่างไรก็ดีคาดว่าการขนส่งทางรถไฟ จะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และบริษัทมีเป้าหมายจะขนส่งให้ได้ 3 พันเที่ยวในปีนี้ คาดว่าจะสร้างรายได้ให้แก่บริษัทกว่า 500-600 ล้านบาท ดังนั้นคาดว่าปีนี้สัดส่วนรายได้ของ ธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนจะคิดเป็น 25% ของรายได้รวม

ขณะเดียวกันยังเดินหน้าตามที่จะนำ ETL เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยคาดว่าจะสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง)ได้ในช่วงกลางปี และคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นได้ช่วงปลายปี 2565 นี้ โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจะทำไปขยายจำนวนรถบรรทุก และขยายเครือข่ายของการขนส่งให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทั้งในประเทศเวียดนาม มาเลเซียด้วย และจีน รวมไปถึงยุโรปด้วย ดังนั้นเชื่อว่า ETL จะมีโอกาสเติบโตอย่างมาก จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.7-1.8 พันล้านบาท

*ปรับใช้รถไฟฟ้าลดต้นทุน

พร้อมกันนี้คาดว่าในไตรมาส 2/2565 นี้จะได้ข้อสรุปร่วมกับลูกค้าในการให้บริหารคลังสินค้า โดยปีนี้คาดว่าจะสามารถบริหารพื้นที่คลังสินค้าได้กว่า พื้นที่รวม 20,000 ตารางเมตร และมีแผนที่จะขยายเป็น 100,000 ตารางเมตร ในระยะเวลา 3 ปี (2565-2567) ธุรกิจดังกล่าวบริษัทได้นำระบบไอทีเข้ามาช่วยในการบริหารงานให้แก่ลูกค้า รวมไปถึงการวิเคราะห์คลังสินค้าช่วยลูกค้า การบริหารสินค้าคงคลัง

อย่างไรก็ดีบริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาที่จะนำรถบรรทุกไฟฟ้า (EV TRUCK) เข้ามาช่วยในการขนส่ง และปัจจุบันก็มีการเจรจากับพันธมิตรที่เป็นบริษัทยานยนต์ไฟฟ้าแล้ว ทั้งนี้อาจจะเริ่มดำเนินการเป็นโปรเจ็กต์ไป ขึ้นอยู่กับนโยบายของลูกค้าแต่ละบริษัทด้วยในการปรับมาใช้รถบรรทุกไฟฟ้า เพื่อการขนส่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งบริษัทก็เชื่อว่าเทรนด์ในอนาคตของการใช้รถไฟฟ้าจะเกิดขึ้นแน่นอน แต่ก็ทยอยปรับเปลี่ยนไปสถานการณ์