“พีระพันธุ์” ช่วยลดค่าไฟให้คนไทยรวม 2.7 แสนล้านบาท

กรณีคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติปรับลดอัตราค่าไฟฟ้างวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2568 เหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย หลังจากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ตรวจสอบพบว่า มีเงิน Claw Back สามารถนำมาอุดหนุนค่าไฟฟ้าจำนวน 12,200 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้ ซึ่งต่ำกว่ากรอบที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดไว้ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย

ล่าสุดมีข้อมูลเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า นโยบายของนายพีระพันธุ์ ทำให้คนไทยทั้งประเทศประหยัดค่าไฟรวมกันแล้วกว่า 2.7 แสนล้านบาท นับตั้งแต่นายพีระพันธุ์ เข้ามารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน โดยก่อนหน้าที่นายพีระพันธุ์  จะเข้ามารับตำแหน่ง (ก่อนเดือนกันยายน 2566) อัตราค่าไฟอยู่ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย ซึ่งหากไม่มีการบริหารจัดการอย่างจริงจัง จะต้องจ่ายค่าไฟระหว่างช่วงเดือนกันยายน 2566-สิงหาคม 2568 เป็นเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,985,025 ล้านบาท โดยคำนวณจากปริมาณการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยของคนไทยทั้งประเทศ (อ้างอิงจากระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.)

แต่ผลจากการบริหารจัดการตามแนวทางของนายพีระพันธุ์ ประชาชนคนไทยจ่ายค่าไฟในช่วงดังกล่าวเป็นเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,710,368 ล้านบาท โดยส่วนต่างที่ประหยัดได้ถึง 274,657 ล้านบาท ถือเป็นดอกผลแห่งความทุ่มเทและการทำงานหนักของนายพีระพันธุ์ ที่คืนเข้าสู่กระเป๋าคนไทยผู้ใช้ไฟฟ้าทุกคน และนายพีระพันธุ์ ยังคงเดินหน้าลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีแรงต้านอย่างหนักจากผู้เสียผลประโยชน์