รีเซต

จับตา! พบ "โอมิครอน BQ.1" ในไทยแล้ว 1 ราย แพร่เร็ว-หลบภูมิคุ้มกันเก่ง

จับตา! พบ "โอมิครอน BQ.1" ในไทยแล้ว 1 ราย แพร่เร็ว-หลบภูมิคุ้มกันเก่ง
TNN ช่อง16
18 ตุลาคม 2565 ( 09:54 )
47

ศูนย์จีโนมฯ เผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย "BQ.1  และ BQ.1.1" ล่าสุดไทยพบผู้ติดเชื้อแล้ว 1 ราย


วันนี้( 18 ต.ค.65) ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับโควิด-19 ผ่านเพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics โดยระบุว่า


"โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย “BQ.1 และ BQ.1.1”,  "วัคซีนเข็มกระตุ้นเจเนอเรชัน2 เพื่อป้องกัน", และ  “ยาแอนติบอดีสำเร็จรูปเจเนอเรชันสอง" เพื่อการรักษาปรับปรุง 18/10/2565 เวลา 8:50


ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) ได้ออกมาเตือนถึงการระบาดของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย “BQ.1”  และ BQ.1.1 ซึ่งเป็นรุ่นหลานของโอไมครอน BA.5 จากการสืบค้นฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของโควิดโลก “GISAID” พบโอมิครอน BQ.1 ในประเทศไทยแล้ว 1 ราย 


นายแพทย์ “แอนโทนี เฟาชี” แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาวของสหรัฐ กล่าวถึงสาเหตุที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญกังวลใจเกี่ยวกับบรรดาโอมิครอนสายพันธุ์ใหม่ เช่น BQ.1 และ BQ.1.1 เนื่องจาก 2 เหตุผลสำคัญ  คือ


1. โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย  BQ.1 และ BQ.1.1 มีการเพิ่มจำนวนเป็นเท่าตัว (doubling time) ภายในอาทิตย์เดียวติดต่อกันมาหลายสัปดาห์ซึ่งถือว่าสูงมาก (ภาพ2) และ

2. โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย  BQ.1 และ BQ.1.1 ดื้อต่อยาแอนติบอดีสำเร็จรูปตัวสำคัญที่เรามีใช้อยู่ เช่น เอวูเชลด์ (Evusheld) และ เบบเทโลวิแมบ (Bebtelovimab) ที่ใช้รักษาโควิด-19 (ภาพ3) 


ภาพจาก Center for Medical Genomics

 



ปัจจุบันโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอุบัติใหม่ เช่น BQ.1 มีความสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามธรรมชาติหรือภูมิที่ได้จากการฉีดวัคซีนได้ดี  โดยผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน และมีการติดเชื้อโอไมครอน BA.5 จะมีภูมิต้านทานการติดเชื้อโอไมครอน BQ.1 ได้ดีกว่าเล็กน้อย (เนื่องจาก BQ.1 กลายพันธุ์มาจาก BA.5) เมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนและมีการติดเชื้อโอไมครอน BA.2ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนและมีการติดเชื้อโอไมครอน BA.1, และผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแต่ไม่เคยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มาก่อนตามลำดับ ดังนั้นการใช้วัคซีนเจเนอเรชัน 2 (adaptive vaccine) ที่ใช้ส่วนหนามกับ BA.5 เป็นตัวกระตุ้นน่าจะยังสามารถยับยั้งการเพิ่มจำนวนของ BQ.1 และ BQ.1.1 ในร่างกายของผู้ติดเชื้อได้เนื่องจาก BQ.1 และ BQ.1.1 กลายพันธุ์มาจาก BA.5 จึงมีส่วนหนามคล้ายกัน


นอกจากนี้โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอุบัติใหม่ยังดื้อต่อยา“แอนติบอดีสำเร็จรูป”เจเนอเรชันแรกเป็นส่วนใหญ่ (ภาพ3) จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ยา“แอนติบอดี ค็อกเทล”เจเนอเรชันสอง สำหรับรักษาผู้ติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยอุบัติใหม่


ภาพจาก Center for Medical Genomics

 


“แอนติบอดี ค็อกเทล”เจนเนอเรชั่นสอง เช่น “SA55+SA58” สามารถเข้าจับและทำลายโอมิครอนได้ทุกสายพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิม BA.1/BA.2, BA.4/BA.5  จนมาถึงสายพันธุ์ย่อยล่าสุด BQ.1, BQ.1.1, XBB  (ภาพ3)


โอมิครอน BQ.1 มีการกลายพันธุ์บริเวณส่วนหนามที่สำคัญคือ K444T, L452R, N460K, และ  F486V ซึ่งทำให้หลบภูมิคุ้มกันที่ได้จากการติดเชื้อตามธรรมชาติหรือได้จากการฉีดวัคซีนได้ดี ในสหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อ BQ.1 ร้อยละ 5.7 ของโอไมครอนสายพันธุ์ต่างๆที่ระบาดอยู่ในสหรัฐอเมริกาทั้งหมด และหากคิดรวม BQ.1.1 (กลายพันธุ์เพิ่มจาก BQ.1 อีกหนึ่งตำแหน่ง คือ R346T) จะมีผู้ติดเชื้อ BQ.1 และ BQ.1.1 รวมกันถึงร้อยละ 11.4 ซึ่งคาดว่าสายพันธุ์ย่อยทั้งสองจะมาแทนที่ BA.4.6 ซึ่งระบาดในหมู่ประชาชนชาวอเมริกันคิดเป็นร้อยละ 12.2 แต่ขณะนี้ BA.4.6 มีปริมาณการเพิ่มจำนวนที่คงตัว ในขณะที่โอไมครอน BA.5 ในสหรัฐอเมริกาลดจำนวนลงเป็นลำดับ ขณะนี้เหลือเพียงร้อยละ 67.9  (ภาพ2)


ภาพจาก Center for Medical Genomics

 



BQ.1  มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาดเหนือกว่า  BA.5.2 เกือบ 15% ต่อวัน ในขณะที่ BQ.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาดเหนือกว่า BA.2 ประมาณ 14% ต่อวัน บ่งชี้ว่า BQ.1 น่าจะเจริญเพิ่มจำนวนได้รวดเร็วกว่า ส่งผลให้แพร่ติดต่อได้อย่างรวดเร็ว และน่าจะเข้ามาแทนที่ BA.5 ได้ภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปี 2566 


แม้โอไมครอน BQ.1 และ BQ.1.1 จะมีการกลายพันธุ์หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีและแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกแสดงให้เห็นว่า โอมิครอน BQ.1 และ BQ.1.1 ก่อให้เกิดการติดเชื้อที่รุนแรงและมีจำนวนผู้เสียชีวิตแตกต่างไปจากโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิมอย่างมีนัยสำคัญ





ที่มา เฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics

ภาพจาก รอยเตอร์ 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง