รีเซต

ไทลินอลทำให้เด็กเป็นออทิสติกจริงหรือไม่ หลังทรัมป์ชี้ความเกี่ยวโยง

ไทลินอลทำให้เด็กเป็นออทิสติกจริงหรือไม่ หลังทรัมป์ชี้ความเกี่ยวโยง
TNN ช่อง16
23 กันยายน 2568 ( 10:31 )
8

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ออกมาแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (22 กันยายน 2568) โดยระบุว่า การใช้ยา “ไทลินอล” (Tylenol) หรืออะเซตามิโนเฟน (acetaminophen) ในระหว่างตั้งครรภ์ รวมถึงการให้วัคซีนในเด็ก อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้จำนวนผู้ป่วยออทิสติกเพิ่มขึ้น แต่ข้อกล่าวหานี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน

ทรัมป์กล่าวว่า องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) จะเริ่มออกคำเตือนต่อแพทย์ เกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ไทลินอลในหญิงตั้งครรภ์ พร้อมอ้างว่า อัตราการวินิจฉัยออทิสติกในประเทศเพิ่มขึ้นถึง 400% ตั้งแต่ปี 2000

ผู้นำสหรัฐฯ ยังใช้โอกาสนี้โจมตีการให้วัคซีนในเด็ก โดยเปรียบเปรยว่าเป็น “การอัดยาให้เหมือนกับม้า” แม้จะไม่ได้ประกาศนโยบายที่ชัดเจนในการเปลี่ยนแปลงการฉีดวัคซีนก็ตาม

อย่างไรก็ตาม แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ออกมาเตือนว่า คำกล่าวของทรัมป์อาจสร้างความสับสนต่อสาธารณชน และย้ำว่าจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีหลักฐานยืนยันความเชื่อมโยงระหว่างพาราเซตามอลหรือวัคซีนกับการเกิดออทิสติก

ผู้ผลิตยาไทลินอลเองก็ออกแถลงการณ์ปฏิเสธอย่างชัดเจน โดยระบุว่า ข้อมูลการศึกษาที่มีอยู่ไม่พบว่าพาราเซตามอลก่อให้เกิดออทิสติก พร้อมยืนยันว่าจะยังคงร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อนำเสนอข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องต่อไป

คำแถลงของทรัมป์และรัฐบาลชุดนี้จึงจุดกระแสถกเถียงอย่างกว้างขวางในวงการแพทย์ โดยหลายฝ่ายมองว่าเป็นการให้ข้อมูลที่บิดเบือนและอาจส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ

ไทลินอลทำให้เด็กเป็นออทิสติกจริงหรือไม่?

มีงานวิจัยเชิงสังเกตหลายชิ้นที่พบ “ความสัมพันธ์” ระหว่างการใช้ยาพาราเซตามอลในระหว่างตั้งครรภ์กับความเสี่ยงด้านพัฒนาการ เช่น ออทิสติกหรือสมาธิสั้น แต่ผลลัพธ์มักแสดงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย และยังไม่สอดคล้องกันทุกการศึกษา

ที่สำคัญคือ งานวิจัยขนาดใหญ่ที่ใช้วิธีเปรียบเทียบระหว่างพี่น้อง (sibling studies) พบว่า เมื่อควบคุมปัจจัยครอบครัวและพันธุกรรม ความเสี่ยงดังกล่าวเกือบจะหายไป ซึ่งบ่งชี้ว่าปัจจัยอื่น เช่น การติดเชื้อ ไข้สูง หรือภาวะสุขภาพของแม่ อาจเป็นตัวแปรที่ทำให้ผลวิจัยก่อนหน้านี้คลาดเคลื่อนได้

จุดยืนของหน่วยงานแพทย์

องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) เพิ่งเริ่มออกประกาศให้แพทย์ตระหนักถึง “ความเป็นไปได้” ของความเชื่อมโยงนี้ แต่ยังไม่ได้สรุปว่าเป็นสาเหตุโดยตรง ขณะเดียวกัน วิทยาลัยสูตินรีแพทย์และนรีเวชศาสตร์แห่งสหรัฐฯ (ACOG) ย้ำว่า ไทลินอลยังเป็นยาที่ใช้ได้ หากจำเป็น เพราะการปล่อยให้ไข้สูงหรือเจ็บปวดไม่ได้รับการรักษาอาจอันตรายต่อทั้งแม่และลูกมากกว่า

ผู้ผลิตยาไทลินอลเองก็ยืนยันว่า งานวิจัยที่มีอยู่ไม่พบหลักฐานว่าการใช้ยาดังกล่าวทำให้เกิดออทิสติก

แล้วออทิสติกเกิดจากอะไรจริง ๆ

จากองค์ความรู้ปัจจุบัน ออทิสติกไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลจาก การผสมผสานของพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม

    •    ปัจจัยทางพันธุกรรมมีบทบาทสำคัญมาก พบยีนหลายร้อยตัวที่เกี่ยวข้อง และในบางกรณีสามารถอธิบายได้ถึง 20–25%

    •    ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น อายุพ่อแม่สูง ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ การติดเชื้อ หรือการใช้ยาบางชนิด (เช่น valproate) อาจเพิ่มความเสี่ยง แต่ก็มักทำงานร่วมกับพื้นฐานทางพันธุกรรม

ข้อแนะนำสำหรับผู้ตั้งครรภ์

  •    อย่าหยุดใช้ยาเองเพราะข่าวลือ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนตัดสินใจ

  • หากจำเป็นต้องใช้ไทลินอล ควรใช้ ขนาดต่ำที่สุดที่ได้ผล และ ระยะเวลาสั้นที่สุด

  •    ที่สำคัญ อย่าปล่อยให้ไข้สูงไม่ได้รับการรักษา เพราะไข้สูงเองก็มีความเสี่ยงต่อการแท้งและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง