รีเซต

‘นายกฯ’ เปิดงาน “Thailand - China Investment Forum” ยกทัพเอกชนดึงลงทุน-การค้า

‘นายกฯ’ เปิดงาน “Thailand - China Investment Forum” ยกทัพเอกชนดึงลงทุน-การค้า
มติชน
3 พฤศจิกายน 2565 ( 11:42 )
51
‘นายกฯ’ เปิดงาน “Thailand - China Investment Forum” ยกทัพเอกชนดึงลงทุน-การค้า

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพมหานคร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานสัมมนา Thailand – China Investment Forum ว่า มีความยินดีต่อการจัดงาน Thailand-China Investment Forum ในครั้งนี้ เพราะถือเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน โดยในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านนโยบายการเปิดประเทศ ซึ่งส่งผลดีต่อภาคการค้า การลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนจากต่างประเทศ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและบริการ ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของตัวเลขลงทุนจากต่างประเทศในปี 2565

 

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน มีความแน่นแฟ้นมีพลวัตทุกระดับ โดยจีนถือเป็นคู่ค้าและคู่มิตรที่สำคัญของไทย และในปี 2565 นี้ ถือเป็นปีครบรอบหนึ่งทศวรรษของความเป็น “หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน” ระหว่างกัน โดยยืนยันว่า รัฐบาลไทยพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลจีน เพื่อพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนสู่ทศวรรษหน้าในทุกมิติ อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ดังคำกล่าวที่ว่า “จีน – ไทย ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” นอกจากนี้ ไทยได้สนับสนุนบทบาทเชิงสร้างสรรค์ของรัฐบาลจีน ตามแผนริเริ่มการพัฒนาโลก (Global Development Initiative: GDI) ซึ่งสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของไทย ที่มุ่งเน้นความเจริญรุ่งเรือง โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง นำไปสู่การเติบโตที่สมดุล ยั่งยืน และครอบคลุมในทุกมิติ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลไทยได้ส่งเสริมการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ ทั้งยกระดับความเชื่อมโยงทางด้านโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ เชื่อมโยงกับภูมิภาคและโลก รวมถึงการพัฒนาโครงการอีอีซี เชื่อมโยงกับข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI) รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้สิทธิประโยชน์การส่งเสริมการลงทุน การปรับปรุงร่างข้อเสนอยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) เพื่อดึงดูดกิจการใหม่ๆ ที่มีศักยภาพมาลงทุนในไทย ซึ่งไทยถือเป็นจุดยุทธศาสตร์เชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ในภูมิภาค รัฐบาลพร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นจุดยุทธศาสตร์การคมนาคมไร้รอยต่อ สอดคล้องกับการยกระดับการพัฒนาอีอีซี เชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซี (Yangtze River Delta: YRD) ของจีน แสดงให้เห็นความพร้อมของไทยในการรองรับการลงทุนจากจีน ในสาขาที่จีนมีศักยภาพและความเชี่ยวชาญ อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะและดิจิทัล ทั้งนี้ การเชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานของการลงทุนระหว่างไทยกับจีนนับว่าเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงโครงการรถไฟจีน – ลาว กับระบบรางของไทย จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ การขนส่งสินค้า และการท่องเที่ยว ทำให้เกิดประโยชน์นำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ภูมิภาค

 

 

“ไทยและจีนยังมีความร่วมมืออื่นๆ ทั้งในกรอบทวิภาคี กรอบอนุภูมิภาค อย่างแม่โขง – ล้านช้าง ACMECS GMS และระดับภูมิภาค อย่างอาเซียน – จีน การขยายความร่วมมือภายใต้ BRICS Plus ที่จีนริเริ่ม รวมถึงการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคของไทยในปีนี้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากจีนเป็นอย่างดี และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมกลางเดือนนี้ด้วยตัวเอง แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์และความเป็นหุ้นส่วนที่แนบแน่นของทั้งสองประเทศอย่างแท้จริง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า งานสัมมนาครั้งนี้เป็นการริเริ่มที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจไทย ด้วยความร่วมมือจากประเทศจีน โดยมีวัตถุประสงค์ในการเป็นเวทีสนับสนุนความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุนระหว่างประเทศไทยและประเทศจีน โดยเฉพาะในการส่งเสริมให้นักลงทุนจากประเทศจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งจะมีการนำเสนอผลการศึกษาวิจัยการลงทุนของนักลงทุนจีนที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ที่เป็นการดำเนินการร่วมระหว่างศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยยูนนาน ด้วยความสนับสนุนจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสถานเอกอัครราชทูตจีน อันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการกำหนดนโยบายและการวางยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในประเทศไทย รวมทั้ง ผู้เข้าร่วมงานจะได้รับทราบข้อมูลนโยบายการส่งเสริมการลงทุนของทั้งสองประเทศ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง อาทิ บีโอไอ กระทรวงพาณิชย์ของจีน รวมถึงรับทราบประสบการณ์การลงทุนจากนักลงทุนชั้นนำในช่วงเสวนาด้วย

 

 

“การสัมมนาครั้งนี้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการค้าระหว่างไทยและจีน รวมถึงการขับเคลื่อนให้เกิดการลงทุนระหว่างกันมากขึ้นอย่างชัดเจน เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างก้าวหน้าและยั่งยืนต่อไป” นายสนั่น กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง