สรุปประเด็นวิมานหนาม “นายหน้าผ่อนตรง” ทำไม? ลูกค้าไม่ได้บ้านแถมเป็นผู้บุกรุก

เจาะลึกกระแสร้อน “นายหน้าขายบ้าน”  แบบผ่อนตรง วิมานหนามในชีวิตจริง 

เหตุการณ์ของ “นายหน้าขายบ้าน” ในลักษณะของการผ่อนตรงกับเจ้าของซึ่งเป็นประเด็นร้อนแรงในรายการโหนกระแส และ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคม เนื่องจากลูกค้าได้จ่ายเงินผ่อนตรงไปแล้วเป็นจำนวนมากแต่ปลายทางคือการถูกฟ้องขับไล่ กลายเป็น "วิมานหนาม" ที่ทำลายความฝันของผู้ที่ต้องการมีบ้าน แต่เข้าไม่ถึงระบบการเงินปกติ เรามาดูกันว่าปัญหานี้เกิดขึ้นจากอะไร

รูปแบบธุรกิจที่อาศัยช่องโหว่จากความเปราะบางของคนอยากมีบ้าน

โมเดลที่ "นายหน้า" ใช้ในการดำเนินการนั้นถูกสร้างขึ้นบนช่องว่างของระบบการเงิน และ ลูกค้าที่เข้าการขอสินเชื่อได้ยาก

1. ลูกค้าเป้าหมายที่เปราะบาง: เป้าหมายหลักของโมเดลนี้คือกลุ่มคนที่มีปัญหาทางการเงิน เช่น ติดเครดิตบูโร (Blacklist) หรือมีรายได้ไม่แน่นอน ทำให้ไม่สามารถยื่นกู้สินเชื่อบ้านกับธนาคารได้โดยตรง นายหน้าจึงเสนอ "ทางออก" ที่ดูเหมือนง่าย ด้วยการเสนอขายบ้านในรูปแบบที่เรียกว่า "ผ่อนกับนายหน้า" หรือ "เช่าซื้อ" ซึ่งหลีกเลี่ยงกระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวดของธนาคาร

2. การสร้างคุณค่าลวง: นายหน้าสร้างคุณค่าด้วยการเสนอ “โอกาสการได้บ้าน” ทันที และอาจมีการอ้างว่าช่วยปิดหนี้หรือปรับโครงสร้างเครดิตให้ลูกค้า แต่ในความเป็นจริง ผู้ซื้อได้เพียง สิทธิในการครอบครอง หรือ สิทธิการเช่า เท่านั้น ไม่ได้รับ กรรมสิทธิ์ ที่สมบูรณ์

3. การทำกำไรจากความไม่รู้: รายได้หลักของนายหน้ามาจาก 3 ส่วน คือ

• ส่วนต่างราคา: การซื้อทรัพย์สินจากธนาคาร (NPA) ในราคาต่ำ แล้วขายต่อในราคาที่สูงขึ้น
• กระแสเงินสดและดอกเบี้ย: การเรียกเก็บเงินผ่อนรายเดือน ซึ่งในหลายกรณีอาจมีการคิดดอกเบี้ยที่ไม่โปร่งใส หรือเงินที่ผ่อนไปนั้นถูกนำไปหักดอกเบี้ยเกือบทั้งหมด ทำให้เงินต้นของผู้ซื้อไม่ลดลง
• การหมุนเงิน: การนำเงินก้อนจากลูกค้าไปหมุนเวียน หรือนำบ้านที่ติดภาระของผู้ซื้อไป จำนองซ้ำซ้อน กับนายทุนรายอื่นเพื่อนำเงินมาใช้เป็นการส่วนตัว ซึ่งเป็นจุดที่สร้างความเสียหายร้ายแรงที่สุด

ปัญหาหลักที่นำไปสู่หายนะลูกค้าไม่ได้บ้านแม้จะผ่อนตรงทุกงวด

จุดพังทลายของโมเดลธุรกิจนี้คือการ ขาดความชอบธรรมในกรรมสิทธิ์

เมื่อนายหน้าทำการซื้อขายกับผู้เสียหาย ทั้งที่ตนเองยังไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ปลอดภาระหนี้อย่างแท้จริง หรือบ้านยังอยู่ระหว่างการผ่อนกับธนาคาร การที่นายหน้ารับเงินผ่อนจากลูกค้าโดยตรงแต่ไม่ได้นำไปชำระหนี้ตามเงื่อนไขอย่างถูกต้อง หรือที่เลวร้ายกว่าคือการนำบ้านนั้นไปจำนองกับนายทุนใหม่ ทำให้เมื่อถึงจุดที่นายหน้าไม่สามารถบริหารจัดการหนี้ได้ ทั้งธนาคารเดิมและนายทุนใหม่ต่างมีสิทธิ์เข้ายึดบ้านตามกฎหมาย

ผู้ซื้อที่ผ่อนมานานหลายงวดจึงตกอยู่ในฐานะ "ผู้บุกรุก" ที่ต้องย้ายออก และสูญเสียเงินที่ผ่อนไปทั้งหมด

การตอกย้ำกระแสสังคม: อุทาหรณ์การซื้อขายสีเทา

กรณีนี้นับเป็นอุทาหรณ์ที่สำคัญที่สุดของการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้ผ่านการโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นกระแสสังคมที่ตอกย้ำถึงปัญหาที่เรียกว่า "การหลอกลวงในตลาดอสังหาริมทรัพย์สีเทา" ที่มักจะแสวงหาผลประโยชน์จากความหวังและความเปราะบางทางการเงินของผู้อื่น ประเด็นนี้กระตุ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาดูแลและให้ความรู้แก่ประชาชนมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายในลักษณะเดียวกันนี้ในอนาคต