ไทยแจง JBC ถกแค่รุกล้ำ-สร้างรั้วกั้น ไม่แตะเรื่องปักปันเขตแดน หวังเชื่อม GBC ให้เดินหน้า

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอธิบายว่า JBC เป็นกลไกทวิภาคีด้านการเจรจาเขตแดนที่มีอยู่เดิม แต่การประชุมครั้งนี้มีความเร่งด่วนจากข้อผูกพันในระดับ GBC ที่จะเกิดขึ้นตามมาในวันที่ 21 ตุลาคม ซึ่งเป็นเวทีของกระทรวงกลาโหมทั้งสองประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันข้อตกลงสันติภาพในภาพรวมระหว่างไทยกับกัมพูชา

สำหรับวาระในการประชุม JBC ที่จันทบุรี มีอยู่สองเรื่องเท่านั้น โดยหนึ่งคือเรื่องเป็นประเด็นที่ฝ่ายไทยเสนอเข้าสู่การพิจารณาร่วม ได้แก่ กรณีการรุกล้ำของประชาชนกัมพูชาเข้ามาในเขตแดนไทย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นบริเวณบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว อีกหนึ่งเรื่องเป็นการแจ้งเพื่อทราบ คือ การที่ฝ่ายไทยมีแผนจะสร้างรั้วกั้นแนวเขตแดนในจุดที่สองฝ่ายเห็นพ้องกันว่ามีเส้นเขตแดนที่ชัดเจน ซึ่งรั้วดังกล่าวจะถูกสร้างขึ้น “ตรงที่สุดเขตอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย” เท่านั้น ไม่มีการรุกล้ำหรือเจรจาใดๆ เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนหรือพื้นที่พิพาท

นิกรเดชย้ำว่า นี่คือขอบเขตของวาระการประชุม และจะไม่มีการหารือเรื่องอื่นใดเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการปักปันเขตแดน หรือการตีความข้อพิพาท

นอกจากนี้ยังอธิบายเพิ่มเติมว่าความสำคัญของการประชุม JBC ครั้งนี้อยู่ที่ความเชื่อมโยงกับกระบวนการระดับ GBC เนื่องจากหนึ่งใน 4 ประเด็นหลักของ GBC ที่ฝ่ายไทยยืนยัน ได้แก่ เรื่องการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน เพื่อแก้ปัญหาการรุกล้ำอธิปไตย ซึ่งจะต้องมีความคืบหน้าในระดับ JBC ก่อน จึงจะสามารถหารือใน GBC ได้ต่อ

ทั้งนี้ 4 ประเด็นที่ฝ่ายไทยยืนยันในภาพรวม คือ การถอนอาวุธหนัก การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การจัดระเบียบชายแดน และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างสองประเทศ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความกังวลของประชาชนว่าการประชุม JBC ครั้งนี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเขตแดนหรือการยอมรับพื้นที่ทับซ้อนใดๆ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยืนยันชัดว่า “ไม่มีแน่นอน” พร้อมระบุว่า

“JBC เป็นกลไกที่มีไว้เพื่อเจรจาเรื่องการปักปันเขตแดนในภาพรวม แต่ครั้งนี้ เราไปด้วยวาระเฉพาะสองเรื่องเท่านั้น เพื่อให้เวที GBC สามารถเดินหน้าต่อได้ ไม่เช่นนั้นก็จะวนกลับมาที่ JBC อีกรอบ วาระนี้มีเท่านี้จริงๆ ไม่มีการตกลงอื่นใด”

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยังกล่าวต่อว่า หากกระบวนการนี้เดินต่อได้ ภายหลังจาก GBC จบลงจึงจะสามารถพูดคุยในวาระ JBC ปกติ เช่น เรื่องความคืบหน้าในการสำรวจหรือการตีเส้นเขตแดนต่อไปได้ ซึ่งทั้งหมดต้องพิจารณาในลำดับขั้นต่อจากนี้

ท้ายที่สุด นิกรเดชกล่าวว่า ท่าทีของไทยในขณะนี้ ตามที่สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวย้ำก่อนหน้านี้คือการเปิดพื้นที่ให้ฝ่ายกัมพูชาพิสูจน์ความตั้งใจจริงและความจริงใจตามที่ได้แสดงไว้ในเวทีหารือพิเศษที่มาเลเซีย และหากอีกฝ่ายดำเนินการตามที่ให้คำมั่นไว้ ความสัมพันธ์และความร่วมมือจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น ไทยก็จำเป็นต้องทบทวนท่าทีในลำดับถัดไป