กระทรวงแรงงาน แจ้งขั้นตอนช่วยเหลือแรงงานไทย ที่ได้รับบาดเจ็บในอิสราเอล

กระทรวงแรงงานลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บในอิสราเอล เพื่อสร้างขวัญให้กำลังใจ พร้อมแจ้งข้อมูลขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือ

วันที่ 7 มีนาคม 2567 นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่มีแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บ 5 รายจากเหตุโจมตีบริเวณชายแดนชายแดนอิสราเอล – เลบานอน บริเวณนิคมเกษตร Margaliot เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา นั้น ความคืบหน้าการติดตามสถานการณ์การช่วยเหลือแรงงานไทย

ในส่วนของกระทรวงแรงงาน ล่าสุดผมได้รับรายงานจากนายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่า ฝ่ายแรงงานฯ ได้ประสานกับสถานทูตฯ และลงพื้นที่เยี่ยมแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งพบว่า แรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บ 5 รายนั้น อาการสาหัส 3 ราย ภูมิลำเนาเป็นชาวจังหวัดนครราชสีมา หนองคาย และขอนแก่น ขณะนี้พักรักษาตัวที่ โรงพยาบาล Rambam Medical Center เมืองไฮฟา ส่วนอีก 2 รายบาดเจ็บเล็กน้อย ภูมิลำเนาเป็นชาวจังหวัดขอนแก่นและนครพนม นายจ้างพาออกจากโรงพยาบาลแล้ว

 นายไพโรจน์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบฐานข้อมูลของแรงงานไทยดังกล่าวจากระบบอิเล็กทรอนิกส์การบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ e – service แรงงานไทยทั้ง 5 คน เป็นแรงงานที่เดินทางกลับประเทศไทยจากภัยสงครามและได้รับการสงเคราะห์จากสมาชิกกองทุนช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ คนละ 15,000 บาท เรียบร้อยแล้ว 

ส่วนสิทธิประโยชน์ที่จะได้จากสำนักงานประกันสังคมของอิสราเอล จะประเมินตามความบาดเจ็บ หรือสูญเสียอวัยวะของร่างกายหลังการรักษาเสร็จสิ้น โดยฝ่ายแรงงาน ฯ และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ จะติดตามอาการและประสานงานติดตามสิทธิประโยชน์ให้กับแรงงานต่อไป

 นายไพโรจน์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการดำเนินการที่ประเทศไทย ผมได้รับรายงานจาก แรงงานจังหวัดนครราชสีมา หนองคาย ขอนแก่น และนครพนม ว่าแต่ละจังหวัดได้ลงพื้นที่พร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน และฝ่ายปกครอง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นภูมิลำเนาของแรงงานไทยที่บาดเจ็บทั้ง 5 ราย ไปเยี่ยมครอบครัวแรงงาน เพื่อสร้างขวัญให้กำลังใจพร้อมแจ้งข้อมูลขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือ เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับตามกฎหมายทั้งในประเทศไทยและจากอิสราเอลให้แก่ญาติและคนในครอบครัวทราบในทันที 

นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้แรงงานไทยที่ต้องการไปทำงานต่างประเทศ ขอให้เดินทางไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันมี 5 วิธี ได้แก่ กรมการจัดหางานจัดส่ง บริษัทจัดหางานจัดส่ง นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างไปทำงานต่างประเทศ นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างไปฝึกงานต่างประเทศ และคนหางานแจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตนเอง จึงขอแจ้งเตือนไปยังคนหางานที่ประสงค์เดินทางไปทำงานต่างประเทศไปทำงานด้วยวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่าหลงเชื่อนายหน้า และขอให้สมัครเป็นสมาชิกเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ เพื่อจะได้รับสิทธิประโยชน์การคุ้มครอง หากประสบอันตราย เสียชีวิต พิการ ทุพพลภาพ หรือประสบปัญหาในต่างประเทศเช่นกรณีดังกล่าวก็จะได้รับการคุ้มครอง

ข้อมูลและภาพจาก กระทรวงแรงงาน