รีเซต

นายทุนเงินกู้สายโหด สั่งลุย ยกพวก รุมกระทืบลูกหนี้ปางตาย โวจ่ายรายเดือนเป็นแสน

นายทุนเงินกู้สายโหด สั่งลุย ยกพวก รุมกระทืบลูกหนี้ปางตาย โวจ่ายรายเดือนเป็นแสน
มติชน
10 ธันวาคม 2563 ( 21:42 )
120

วันที่ 10 ธันวาคม 2563 ผู้สื่อรายงานว่า ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากนายสกุล ศรีรักษา อายุ 49 ปี ตำแหน่ง ส.อบต.บ้านคำนกกก หมู่ 1(สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแวง)ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม ว่า ถูกนายทุนเงินกู้นอกระบบยกพวกมารุมกระทืบ และใช้ปืนพกตบจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณที่จอดรถงานศพบ้านดอนสะฝาง ต.โพนทอง อ.บ้านแพง เมื่อคืนวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา

 

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบผู้เสียหาย ซึ่งหลบการตามล่าของนายทุนโหดรายนี้อยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ในสภาพมีบาดแผลที่ถูกตีด้วยด้ามปืนบริเวณหางคิ้วซ้ายแตกเย็บ 3 เข็ม ใบหน้ายังมีร่องรอยเขียวช้ำ โดยเฉพาะเบ้าตาทั้งสองข้างและโหนกแก้ม โดยมีนางสาววิลารัตน์ อายุ 43 ปี ภรรยาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

 

นายสกุล ผู้บาดเจ็บเปิดเผยรายละเอียดว่า ประมาณเดือนกันยายน 2562 ได้ติดต่อขอกู้เงินนอกระบบจากนายทุนฉายาเจ๊ปากแดง อายุประมาณ 40 ปีเศษ ที่มาตั้งออฟฟิคอยู่ในเขตอำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ จำนวน 20,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าจ่ายเฉพาะดอกอย่างเดียวไม่รวมเงินต้นวันละ 400 บาท ตนยินยอมส่งดอกมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 เป็นต้นมา

 

กระทั่งถึงเดือนมีนาคม 2563 เกิดสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก จังหวัดนครพนมมีคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดในขณะนั้น สั่งล็อกดาวน์จังหวัดห้ามบุคคลภายนอกเข้าในพื้นที่ ส่วนคนในพื้นที่จะออกนอกเขตได้ต้องมีเหตุจำเป็นเท่านั้น ตนจึงโทรศัพท์ไปหาเจ้าหนี้เงินกู้ ขอระงับการส่งเงินดอกเป็นการชั่วคราว เพราะไม่สามารถออกไปหาเงินมาให้ได้

 

ซึ่งเจ๊เจ้าของเงินกู้ไม่ยอมต้องให้จ่ายดอกต่อเนื่องห้ามขาดเด็ดขาด ตนก็บอกว่าลำพังส่งแต่ดอกวันละ 400 บาท เป็นเวลา 6 เดือน ก็เป็นเงิน 61,200 บาทแล้ว และตนเพิ่งจ่ายเงินต้นไป 5,000 บาท เมื่อเดือนกุมภาพันธ์มานี้เอง ยอดเงินต้นจึงคงค้าง 15,000 บาท ควรผ่อนผันกันบ้าง ซึ่งเจ๊ปากแดงอ้างว่าหยุดจ่ายดอกไม่ได้เพราะต้องจ่ายรายเดือนให้เจ้าหน้าที่เป็นแสน การเจรจาในครั้งนั้นจึงล้มเหลว

 

 

เวลาผ่านไป 3 เดือน คือเดือนมิถุนายน 2563 สามีของเจ้าหนี้เงินกู้ ฉายา”ดำ คลองตัน”โทรศัพท์มาถามว่าจะจ่ายหรือไม่ ตนก็ยืนยันคำเดิมว่าของดส่งดอกเบี้ยให้เหลือเพียงเงินต้น 15,000 บาทเท่านั้น จากนั้นก็วางหูทันที จนถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2563 ตนได้ไปร่วมงามศพที่บ้านดอนสะฝาง ต.โพนทอง อ.บ้านแพง เวลาประมาณบ่ายสามโมง ได้พบลูกน้องของเจ้าหนี้เงินกู้เข้ามาในงาน และเอ่ยถามตนว่าจะจ่ายหรือไม่ ตนตอบกลับไปขอคุยกับเฮียเท่านั้น และลูกน้องคนนั้นก็เดินจากไป อีกไม่นานก็มีลูกน้องนายทุนอีกคนมานั่งประกบด้านหลังได้เอ่ยถามคำเดิมอีกตนก็ตอบไปเหมือนเก่า และก็ยังถามตนต่อว่าคืนนี้จะมาอีกไหม ตนก็ตอบมาสิให้เฮียมาคุยเลย

 

และในวันเดียวกันเวลาประมาณ 22.00 น. ตนเหนื่อยเพลียจึงมานอนรอภรรยาคือนางสาววิลารัตน์อยู่ในรถ โดยเปิดกระจกด้านขวาระบายลม ปรากฏว่ามีลูกน้องของเจ้าหนี้เงินกู้ที่พบเมื่อช่วงบ่ายเดินมาประกบข้างรถซ้ายขวา ดึงคอเสื้อตนลงมารุมกระทืบจึงเกิดการชุลมุนกัน ไม่นานก็มีมาสมทบเพิ่มอีก 3 คน รวมเป็น 5 คน หนึ่งในนั้นตนจำได้เป็น”เฮียดำคลองตัน”ผัวของเจ๊ปากแดง ชักปืนพกสั้นออกมาตบที่ใบหน้าด้านซ้าย 1 ครั้ง จนทรุดลงกองกับพื้น พร้อมกับสั่งลูกน้องว่าเอามันให้ตาย ตนจึงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แต่พวกลูกน้องยังเมาเท้ากระทืบจนมีสภาพสะบักสะบอม ก่อนจะพากันเดินขึ้นรถยนต์ที่จอดติดเครื่องรออยู่ ขับออกไปอย่างไม่สะทกสะท้านท่ามกลางสายตาของผู้คนจำนวนมาก โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย

 

 

นายสกุล เล่าต่อว่าหลังภรรยาพาไปทำแผลที่โรงพยาบาลบ้านแพง ก็เข้าไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง ซึ่งนัดให้ปากคำในวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมานี้ และจะนัดมาสอบเพิ่มเติมในวันต่อไป แต่ตนในฐานะผู้เสียหายมีความสงสัยว่า ทำไมพนักงานสอบสวนไม่สอบถามถึงรูปพรรณสัณฐานของพวกคนร้ายแก๊งนายทุนเงินกู้นอกระบบรายนี้ ซึ่งตนจะต้องไปติดตามความคืบหน้าในวันพรุ่งนี้(11 ธค.) ว่าไปถึงไหนแล้ว

 

นอกจากนี้นายสกุลยังได้นำเรื่องราวของตนที่ถูกสามีของเจ้าหนี้เงินกู้ ยกพวกมารุมกระทืบลงในสื่อโซเซียล ก็มีคนเข้ามาแฉต่อว่าเจ้าหนี้เงินกู้ไปคุยโวว่าในพื้นที่ 3 -4 จังหวัด ไม่มีใครทำอะไรได้ และยังโม้ว่าในเขตพื้นที่ที่ตนอาศัยอยู่ก็จ่ายรายเดือนๆละ 40,000 บาท เท็จจริงอย่างไรนั้นตนไม่ทราบ และยังมีผู้หญิงรายหนึ่งอยู่อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ ถูกเจ้าหนี้เงินกู้ จิกหัวลากไปตบต่อหน้าชาวบ้าน ไปแจ้งความแล้วแต่คดีไม่คืบ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง