Sea Dragons กังหันน้ำขึ้นน้ำลงที่สร้างไฟฟ้าให้บ้าน 25,000 หลัง !!
Minesto บริษัทวิศวกรรมของสวีเดนที่แยกตัวออกมาจากบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินของประเทศ Saab ได้ทำการเปิดตัว "Sea Dragons" กังหันน้ำขึ้นน้ำลง สามารถผลิตไฟฟ้าให้บ้านได้มากถึง 25,000 หลัง โดยใช้กระแสน้ำจากมหาสมุทร
Sea Dragons มีรูปทรงเป็นเครื่องบินลำเล็ก ๆ ที่จอดไว้อยู่ใต้น้ำ ถูกติดตั้งไว้อยู่ใต้ก้นทะเลด้วยการผูกไว้กับสายเคเบิลโลหะยาว 131 ฟุต (40 เมตร) ปีกของ Sea Dragons มีขนาดกว้าง 16 ฟุต (5 เมตร) ช่วยให้มันเหินใต้น้ำในรูปแบบ figure-of-eight โดย Sea Dragons หนึ่งลำสามารถผลิตไฟให้บ้านเรือน 50 - 70 หลังคา ปัจจุบันติดตั้งไว้อยู่ที่น่านน้ำของหมู่เกาะแฟโรในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ
Sea Dragons ใช้หลักการเดียวกับเครื่องบิน ตัวปีกจะช่วยสร้างโมเมนตัมและกระแสไฟฟ้าผ่านแรงยกที่เกิดจากการไหลของน้ำ เส้นทางของตัวกังหันที่เคลื่อนที่ผ่าน ทำให้สามารถกวาดพื้นที่ขนาดใหญ่ทั้งหมดด้วยความเร็วที่มากกว่ากระแสน้ำใต้น้ำหลายเท่า ทำให้เครื่องจักรสามารถขยายปริมาณพลังงานออกมา ซึ่งเกิดจากน้ำเพียงอย่างเดียว
ตัวกังหันจะไม่มีการปล่อยมลพิษใด ๆ ออกมาทั้งสิ้น ตัวกังหันใช้คอมพิวเตอร์ออนบอร์ดในการควบคุมตัวกังหันให้จมลงไปใต้น้ำ แล้วปล่อยทิ้งไว้ในช่วงน้ำลง รักษาความลึกให้คงที่ หากมีกังหันหลายตัวที่ทำงานพร้อมกัน ตัวเครื่องจะวางห่างกันมากพอที่จะไม่ชนกัน ทำให้เกิดการผลิตไฟฟ้าออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พลังไฟจะถูกส่งผ่านไปยังสายโยง แล้วส่งไปยังสายเคเบิลใต้ทะเลอีกสายหนึ่งที่เชื่อมต่อกับสถานีควบคุมใกล้เมืองชายฝั่งของเวสมานนา
Minesto ทำการติดตั้ง Sea Dragons ไว้เพียง 2 ลำเท่านั้น และใช้มันเป็นส่วนประกอบการให้พลังงานแก่หมู่เกาะแฟโร ทางบริษัทกำลังจะวาง Sea Dragons รุ่นใหม่ที่จะมีใบปีกกว้างมากถึง 39 ฟุต (12 เมตร) สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ 1.2 เมกะวัตต์ หมายความว่ากองเรือใต้น้ำจะเพียงพอที่จะจ่ายพลังงานให้กับครึ่งหนึ่งของ 50,000 ครัวเรือนบนหมู่เกาะแฟโร
โครงการ Sea Dragons ของ Minesto มีเป้าหมายที่ต้องการจะช่วยให้เกาะแฟโรบรรลุเป้าหมายในการผลิตกระแสไฟฟ้าทั้งหมดจากพลังงานหมุนเวียนภายในปี 2030 และมีแผนจะติดตั้งฟาร์มนอกชายฝั่งเมือง Anglesey รวมถึงโครงการต่าง ๆ ในไต้หวันและฟลอริดา
เกี่ยวกับ "หมู่เกาะแฟโร"
หมู่เกาะแฟโรมีคนอาศัยอยู่ 17 แห่ง เป็นเขตปกครองตนเองของเดนมาร์ก ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่าง Shetland และ Iceland มีผู้คนอาศัยอยู่กว่า 50,000 คน หมู่เกาะแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของลมที่แรง ปริมาณน้ำฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง เป็นหมู่เกาะที่ยากต่อการอยู่อาศัย การประมงเป็นอุตสาหกรรมหลัก คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของการส่งออกทั้งหมด
พลังไฟฟ้าของเกาะมาจากไฟฟ้าพลังน้ำประมาณ 40% พลังงานลมมีส่วนช่วยประมาณ 12% นอกนั้นเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิล (ดีเซลนำเข้าทางทะเล) เกาะมีช่วงเวลาประมาณ 2 เดือนที่เป็นหน้าร้อน นั่นหมายความว่าบนเกาะจะแทบไม่มีลมพัดเลย ซึ่งตัวเกาะยากมากที่จะหาพลังงานไฟฟ้าอื่น ๆ มาทดแทน
แหล่งที่มา bbc.com