รีเซต

ช้ำหนักไปอีก! ปลายสายอ้างรองผู้การ เคลียร์คดีให้ ผับถูกปิดฝ่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เหยื่อเชื่อคิดว่า ตร.จริง

ช้ำหนักไปอีก! ปลายสายอ้างรองผู้การ เคลียร์คดีให้ ผับถูกปิดฝ่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เหยื่อเชื่อคิดว่า ตร.จริง
ข่าวสด
31 พฤษภาคม 2564 ( 00:45 )
59
ช้ำหนักไปอีก! ปลายสายอ้างรองผู้การ เคลียร์คดีให้ ผับถูกปิดฝ่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เหยื่อเชื่อคิดว่า ตร.จริง

 

เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 30 พ.ค.64 นายประกอบ ชลศรานนท์ หรือเสี่ยฮั้ว เจ้าของสถานบันเทิง แอดไทม์ ที่เคยถูกจับกุมดำเนินดดี ในฐานความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.อมรเทพ เพชรทิม รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี หลังมีคนอ้างเป็นตำรวจโทรมาตุ๋นเอาเงิน อ้างเคลียร์คดีให้

 

 

โดยเปิดเผยว่า หลังจากที่ร้านถูกจับดำเนินคดี ได้มีนายตำรวจท่านหนึ่ง ติดต่อมาให้รับโทรศัพท์ จากปลายสายซึ่งอ้างว่าเป็นรองผู้การ ชื่อเล่นเดย์ ติดต่อมาเจรจาจะช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องคดีความให้ โดยจะมีค่าดำเนินการประมาณ 90,000 บาท รวมค่าปรับ ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง เมื่อพูดคุยรายละเอียดกันก็เกิดหลงเชื่อ จึงตัดสินใจโอนเงิน 90,000 บาทให้ไป แต่หลังโอนเงินแล้ว กลับติดต่อไม่ได้ และไม่มีการดำเนินการช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อสอบถามจากนายตำรวจที่ติดต่อมาว่า คนที่โทรมาใช่รองผู้การจริงไม่ ก็ได้คำตอบว่าไม่ทราบเหมือนกัน จึงมั่นใจว่าถูกหลอกแน่ ก่อนเดินทางเข้าแจ้งความ

 

 

อีกราย นายวัฒนะ มีสุธา อายุ 49 ปี หรือเสี่ยเก่ง เจ้าของร้านสกาย เมาท์เท้น แหลมบาลีฮาย ซึ่งถูกจับกุมในฐานความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.และฝ่าฝืนคำสั่งคณะควบคุมโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี เมื่อกลางดึกของวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้เปิดเผยว่า หลังจากที่ร้านถูกจับแล้ว เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีเบอร์แปลกๆ โทรเข้ามา โดยปลายสายอ้างตัวว่าเป็นรองผู้การ ชื่อเล่นว่าต้น จะเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยคดีให้ แต่จะต้องมีค่าใช้จ่าย มีกำลังที่จะจ่ายได้เท่าไหร่ ตนขอคิดทวบทวนแล้วจะติดต่อกลับ แต่เบอร์เดิมได้โทรเข้ามาหลายสาย จึงตัดสินใจตอบตกลงไป ว่ามีเงินประมาณ 40,000 บาท ปลายสายก็บอกว่าจะต้องกลับไปเคลียร์กับทีมงานก่อน

 

 

พร้อมสอบถามตนว่าเงินพร้อมโอนไหม ตนได้สอบถามว่าให้ลูกน้องเอาเงินไปให้ได้หรือไม่ ปลายสายได้ตอบกลับมาว่าไม่ได้เพราะมีกล้องวงจรปิด เมื่อพูดคุยรายละเอียดกันหลายรอบ จึงตัดสินใจตกลงจะจบที่ 40,000 บาท ก็ได้โอนรอบแรกไป 10,000 บาท และรอบที่สองอีก 30,000 บาท ซึ่งขณะที่พูดคุยกันนั้นตนได้อัดเสียงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยในคลิปยังอ้างอีกว่าไม่ต้องกังวล ทั้งบอกชื่ออีกว่า พ.ต.อ.เสมา อยู่ในพื้นที่พัทยา ชลบุรี หลังได้เงินไปแล้วยังมีการพูดคุยกันต่อว่า หากจบเรื่องแล้วจะไปรับประทานอาหารกัน แต่หลังจากนั้นตนได้โทรติดต่อกลับไป ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้ ซึ่งตนหลงเชื่อเพราะคิดว่าปลายสายเป็นตำรวจจริง

 

 

ทั้งนี้ได้แจ้งความร้องทุกข์ พร้อมทั้งมอบคลิปเสียง สลิปการโอนเงินให้กับ ร.ต.ท.อมรเทพ เจ้าของคดี ไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังขอฝากเตือนกลุ่มผู้ประกอบการทั้งหลาย ว่าอย่าไปหลงเชื่อขบวนการพวกนี้โดยเด็ดขาด ให้มาติดต่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานีพื้นที่เท่านั้น ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ซ้ำเติม กลุ่มผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก แม้ทางร้านจะกระทำผิดฝ่าฝืนก็ตาม แต่ทางร้านก็ยอมรับผิดและถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว แต่กลับมาถูกขบวนการมิจฉาชีพ ซึ่งมีข้อมูลของเจ้าของร้านที่ถูกจับ ทั้งชื่อและเบอร์โทร จนกระทั่งมาก่อเหตุต้มตุ๋น จนได้รับความเสียหายสูญเสียเงิน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้ ก่อนที่จะไปหลอกผู้ประกอบการรายอื่นอีก

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง