เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1ฅ640-1,655 จุด โดยขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น ระยะสั้นตลาดเผชิญแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อกดเงินเฟ้อให้ต่ำลงหลังตัวเลขเศรษฐกิจเดือน พ.ค. ออกมาแข็งแรง ส่งผลให้ Bond Yield สหรัฐฯ พุ่งขึ้นอีกครั้ง ซึ่งกดดันตลาดหุ้น เม็ดเงินไหลเข้าถือดอลลาร์ ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานไทยแม้จะสูงกว่าคาด แต่ยังไม่ถึงขั้นน่ากังวล จึงคาดกนง.ยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย โดยคาดว่าอาจพิจารณาปรับขึ้นในช่วงปลาย 3Q22
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ยังทรงตัวสูงยังเป็นปัจจัยกดดันต้นทุนของภาคการผลิต กระทบกำลังซื้อผู้บริโภค และอาจทำให้ประมาณการ EPS และ SET Target มี Downside เรายังแนะนำทยอยลดพอร์ตบางส่วนระยะสั้นช่วงตลาดปรับขึ้นหาระดับ 1,660-1,680+- จุด หลังจากสะสมไปแล้วบริเวณ 1,600+- จุด จาก Valuation ของตลาดฯที่ค่อนข้างตึงตัว และยังคงเน้นลงทุนในหุ้น Value Play ที่มี PER/PBV ไม่สูงเที่ยบกับช่วงปี 2019 ก่อนมี COVID-19 และยัง Laggard ตลาด
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value และ Laggard Play ที่แนวโน้มกำไร 2Q22-2H22 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือนมิ.ย. : BCP, CK, CPALL, MAJOR, SAWAD
หุ้นเด่นวันนี้:SAPPE
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 38 บาท
• คาดกำไร 2Q22-3Q22 จะปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ จากตลาดส่งออกที่โตดีมากทั้งเอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง ล่าสุด US กลับมาฟื้น Q-Q หลังคำสั่งซื้อถูกเลื่อนมาและยังได้ผลบวกจากบาทอ่อน
• ต้นทุนพลาสติกยังทรงตัวเท่า 1Q22 เพราะสต็อกไว้ แม้ราคาพลาสติกปรับขึ้น 3Q22 แต่อยู่ระหว่างปรับให้กระทบต้นทุนน้อยที่สุด คาดเห็นสินค้าใหม่หลายตัวใน 3Q22 คาดกำไรปี 2022 +25% Y-Y หากกำไร 2Q22 ทำได้ดีกว่าคาดจะเป็น Upside ต่อประมาณการและราคาเป้าหมาย ปัจจุบันเทรด PE เพียง 20 เท่า
• แนวรับ 33 บาท แนวต้าน 36-36.50 บาท
**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ ยังคงผันผวนจากความกังวลเงินเฟ้อ นักลงทุนปรับพอร์ตรอการประชุม Fed สัปดาห์หน้า ตลาดให้ความสนใจไปที่สินค้ากลุ่มอาหาร เนื่องจากราคาอาหาร และราคาสินค้าเกษตรมีการปรับตัวสูงขึ้น เป็นประเด็นที่ทำให้ตลาดกังวลในช่วงนี้ เนื่องจจากจะไปดันเงินเฟ้อให้สูงขึ้น ซึ่งอาจจะมีผลต่อการตัดสินใจปรับนโยบายการเงินของ Fed ในสัปดาห์หน้า
ความคืบหน้าของสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย โดยจะมีกำหนดการรัสเซียพูดคุยพบปะกับยุโรปเรื่องการ Sanction และการเปิดให้ยูเครนขนส่งสินค้าได้ ในคืนวันพรุ่งนี้(8) เรามองว่าหากสามารถเปิดให้ขนส่งสินค้าจากยูเครนได้ จะมีผลต่อราคาสินค้าเกษตรบางตัว เช่น ข้าวสาลี ที่จะปรับตัวลดลง
ภาพรวมสถานการณ์ของจีนดูดีขึ้น แต่อาจจะต้องระวังกลุ่ม Logistics ที่ราคาหุ้นยังไม่ปรับตัวตาม คาดว่าอาจจะมีปัจจัยกดดันเฉพาะตัว (WICE, LEO)
ตัวแปรของไทย เงินเฟ้อมีทิศทางที่สูงขึ้น เดือนล่าสุด 7.10% YoY คาดรัฐบาลจะเริ่มลดเงินอุดหนุนด้านพลังงาน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าในประเทศปรับตัวสูงขึ้น ตามต้นทุนขนส่งและต้นทุนผลิต บวกต่อโรงไฟฟ้า(ที่ขายไฟให้ภาคเอกชน)
ติดตามการประชุม กนง. ในวันพรุ่งนี้(8) คาดจะคงดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.50%
หุ้นขึ้น XD วันนี้ ได้แก่ LHPF(@0.05), M-II(@0.148), MJLF(@0.145), MNIT(@0.013), MNIT2(@0.045), M-STOR(@0.10), MIT(@0.175)
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ รายงานตัวเลขดุลการค้าสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ตลาดยังอยู่ในโหมดพักฐาน และจะประคองตัวไปจนกว่าจะทราบผล ประชุม FOMC ในสัปดาห์หน้า(15) โดยจุดต่ำสุดของดัชนีฯรอบนี้ เรายังมองไว้แถวๆ 1620-1630จุด ซึ่งจะเป็นจุดซื้อจุดแรก
การลงทุนในสัปดาห์นี้ ควรปรับเป็นเล่นสั้น เน้นข่าวรายวันไปก่อน
Flow จากนักลงทุนต่างประเทศ ที่พลิกมาขาย ทำให้ต้องระวังหุ้นที่นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อเข้ามามาก ในช่วงที่ผ่านมา
พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำ YGG*, KBANK ออก และเพิ่ม BDMS, KSL*, GFPT เข้ามาแทน หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย BDMS(10%), KSL*(10%), GFPT(10%), TU(10%),TRUE*(10%), BGRIM(10%), BANPU(10%), AMATA(10%
Strategy Stock Pick
BANPU: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 14.00 บาท) “เตรียม IPO บ. ลูก BKV Corp. ที่สหรัฐ พร้อมขยายธุรกิจก๊าซ”
• เตรียมจดทะเบียน IPO บ. ลูก ที่สหรัฐ หลังเข้าซื้อแหล่งก๊าซธรรมชาติจาก Exxon Mobil หนุนกำลังการผลิต 225 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (คิดตามสัดส่วนการลงทุน) พร้อม Synergy ลดต้นทุน
• หุ้นกลุ่มพลังงานและ Commodity ยังได้ประโยชน์จากสถานการณ์ปัจจุบันทั้งเรื่องการเปิดประเทศทั่วโลกที่หนุน Demand และภาวะสงครามที่หนุนราคาพลังงานทรงตัวสูงตลอดทั้งปี
• KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 3.14 หมื่น ลบ. และ 2.46 หมื่น ลบ. +155%YoY, -34.5%YoY ตามลำดับ
Technical: IIG, TKC
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด วางแนวรับดัชนีที่1,640โดยมีแนวต้าน 1,650 – 1,655 คาดทรงตัวรอการประชุม กนง., ECB และเงินเฟ้อสหรัฐ แนะนำSelective Buyเช่น ASIAN,CFRESH,TU (+ราคาอาหารสูงขึ้น)/ BANPU,LANNA(+ราคาถ่านหิน)/GLOBAL,SFLEX,SOLAR (+โมเมนตัมเทคนิค)
TQM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 62.50 บาท) แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q65 เติบโตต่อเนื่อง จากเบี้ยประกันรวมที่เพิ่มขึ้นตามยอดขายประกันภัยอุบัติเหตุ ประกันภัยบ้าน ประกันสุขภาพ และการขายประกันผ่าน Thailand pass รวมถึงการเข้าซื้อ TQR ซึ่งเป็นนายหน้าประกันภัยต่อที่จะเริ่มรับรู้ผลประกอบการเข้ามาตั้งแต่ไตรมาสนี้ ส่วนแนวโน้มปี 65 บริษัทวางเป้าหมายยอดเบี้ยประกันรวมไว้ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท มาจาก Organic Growth และการทำ M&A โดยวางงบลงทุนสำหรับการเข้าซื้อกิจการไว้ราว 1 พันล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทนายหน้าประกันอีก 2 แห่ง ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 65 จะเติบโตราว 20-30% ขณะที่อัตรากำไรอยู่ในระดับสูงจากนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ควบคู่กับการคุมค่าใช้จ่ายด้านพนักงาน และเพิ่มการขายผ่านช่องทาง Digital Platform มากขึ้น
GLOBAL* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 26.00 บาท) ภาพรวมของการดำเนินงานในปีนี้ยังสามารถขยายตัวได้(ตลาดประเมิน EPS ปี65 และ 66 ที่ 0.75 และ 0.83 บ./หุ้น) จากกลยุทธ์ขยายสาขา(อัพฐานรายได้; เป้าปีนี้เปิดเพิม 7 สาขา จากปัจจุบัน 76 สาขา) และการเน้นสินค้า House Brand (ซึ่งจะปรับปรุงให้ GPM ขยับตัวดีขึ้น) ขณะที่ปัจจัยขับเคลื่อนในระยะถัดๆไปจะเป็นการรุกเข้าไปยังตลาดตปท. โดย GLOBAL* ได้มีการเปิดสาขาแรกในกัมพูชาแล้ว และคาดว่าจะสามารถเปิดสาขาแรกในฟิลิปปินส์ได้ในปีนี้ นอกจากนี้บ.ยังได้มีการร่วมกับ บ.ย่อยของ SCC* ในการเข้าไปลงทุนราว12.75% ใน CKDB ซึ่งเป็นผู้นำร้านค้าปลีกสินค้าวัสดุก่อสร้าง ตกแต่งบ้านและสวนในประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้แบรนด์ร้านค้า Depo Bangunan