'ชัชชาติ' มอบสำนักโยธาประเมินสภาพอาคารสำเพ็ง ฝากประชาชนสำรวจทางหนีไฟ หากไปสถานที่ไม่คุ้นเคย
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 26 มิถุนายน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ลงพื้นที่บริเวณจุดเกิดไฟไหม้สำเพ็ง พร้อมด้วยนางสาวทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม.
ในตอนหนึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการเน้นย้ำให้ความรู้ประชาชนหลังจากเหตุครั้งนี้ ทางกทม.จะมีมาตรการอย่างไรบ้าง นายชัชชาติกล่าวว่า ต้องขอการไฟฟ้านครหลวงมาร่วมด้วย เช่น เรื่องการตรวจสายไฟ การให้ความรู้กับประชาชนคงมีหลายมิติ เช่น เครื่องดับเพลิงมือถือที่ควรจะเก็บไว้ในบ้าน เรื่องการควบคุมเชื้อเพลิง เรื่องสายไฟต่างๆ คงพยายามทำและให้ความรู้ประชาชนควบคู่กันไป
สำหรับประเด็นการทรุดตัวของอาคารที่เกิดเพลิงไหม้ นายชัชชาติกล่าวว่า จะมอบหมายให้สำนักโยธาฯกับสำนักงานเขตมาประเมินพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) และต้องประสานกับคนกลาง แต่เข้าใจว่าอาคารกลางนี้พื้นทรุดลงมาแล้ว
เพราะลักษณะมี 2 ส่วนคือความเสียหายเนื่องจากไฟ พอไฟไหม้โครงสร้างจะอ่อนตัวลง อย่างเช่น คอนกรีตพอโดนไฟจะเสียสภาพไป และน้ำหนักน้ำที่ฉีด พอน้ำระบายไม่ได้ก็จะกดลงมา ดังนั้นจะเห็นว่าตึกยุบลงมาเพราะว่าน้ำหนักที่กด อาคารที่โดนไฟไหม้แต่น้ำที่ชุ่มอยู่ในโหลดอาจจะเพิ่มน้ำหนักและมีอันตรายต่อมาได้ ต้องดูให้ละเอียดภายหลัง
เมื่อถามว่าสาเหตุที่ผู้เสียชีวิตไม่สามารถออกมาจากอาคารได้ นายชัชชาติกล่าวว่า ต้องไปดูภายหลัง เพราะสภาพตอนเกิดเพลิงไหม้คงวุ่นวายมาก และคิดว่าสภาพข้างในคงมีพลาสติกหลอมละลาย การเข้าออกอาจจะไม่ง่าย ที่ตนเป็นห่วงอีกเรื่องหนึ่งคือผับ เรื่องสถานที่เที่ยวกลางคืน เพราะว่าถ้าเกิดเหตุจะวุ่นวายมาก เพราะฉะนั้นเวลาเราไปที่ไหนเราไปสำรวจทางหนีไฟก่อน ว่าที่ตรงนี้ออกตรงไหน ไปทางไหน เหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นอย่างน้อยยังออกถูก
“ขนาดคนคุ้นเคยสถานที่ยังหนีไม่ทัน เพราะฉะนั้นเวลาประชาชนมาอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยแต่เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นจะยิ่งลำบาก ช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเราพยายามเน้นคือเรื่องสถานบันเทิง เรื่องทางหนีไฟ ต้องไปดูว่าทางหนีไฟเคลียร์หรือไม่ ทั้งสองทางหรือไม่ ที่ได้ย้ำเตือนไป ฝากประชาชนด้วยว่ามีโอกาสเกิดเหตุพวกนี้ในหลายที่ต้องดูเรื่องทางหนีไฟให้ดีด้วย” นายชัชชาติกล่าว
สำหรับผู้เสียชีวิตที่เป็นแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา นายชัชชาติกล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ขอแสดงความเสียใจทั้งผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะว่าเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เกิด ต้องเป็นบทเรียนที่ปรับปรุงให้ดีขึ้น
เมื่อถามว่าจะมีการเร่งรัดเรื่องสายไฟให้เร็วขึ้นหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า คงเร่งรัดเพราะสายไฟเป็นส่วนหนึ่งในการติดไฟ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายที่เราทำ เห็นแล้วว่ามีความจำเป็น อาจต้องเร่งให้เร็วขึ้น แต่เราไม่รู้ว่าที่เกิดการลุกลามเกิดจากสายไฟมากแค่ไหน แต่เราได้เห็นว่าความรกรุงรังที่ทำให้การฉีดน้ำวุ่นวายขึ้น คิดว่าถึงเวลาที่ต้องทำให้เยอะที่สุดแล้วเรื่องการเอาสายสื่อสารลงดิน
เมื่อถามถึงความคาดหวังของประชาชนให้ผู้ว่าฯกทม. มาลงพื้นที่เมื่อเกิดเหตุ นายชัชชาติกล่าวว่า วันนี้ขณะเกิดเหตุตนไม่ได้มา เนื่องจากติดภารกิจที่หนองแขม ซึ่งได้โทรถามตลอดว่า “ผมจำเป็นในพื้นที่ไหม” ถ้าไม่จำเป็นเราไม่ต้องมาก็ได้ จึงรอให้จบก่อนแล้วค่อยมาดูเหตุการณ์ภายหลัง แต่ได้ส่งตัวแทนคือ พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. และน.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม. มาดูตลอด
“สิ่งสำคัญอาจจะไม่ใช่ตัวเพลิงไหม้ เพราะมีเจ้าหน้าที่ดูแล หลังจากนี้ไปจะทำอะไร จะปรับปรุงระเบียบความปลอดภัยอย่างไร สำคัญกว่า คือหน้าที่ผู้ว่าฯจริงๆคือนำสิ่งที่เกิดขึ้น บทเรียนที่มีค่ามากๆ ไปปรับปรุงอย่างไรให้มีความปลอดภัยสูงขึ้น” นายชัชชาติกล่าว
เมื่อถามว่ามีข้อสังเกตอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ น.ส.ทวิดา กล่าวว่า สภาพความเสียหายที่ผู้ว่าฯกล่าวไปก่อนหน้า พื้นที่ความเสี่ยงที่ประชาชนอยู่หนาแน่นและอาคารเก่าที่มีการชำรุดและมีน้ำหนัก อยู่ในอาคารสูงทางเข้าทางออกมาทางเดียว ตรงนั้นต้องจัดการทำแผนที่และและจุดเสี่ยงให้หมดและแก้ไข เพราะว่าเวลาที่เราบริการจัดการตอนเกิดเรื่องมีความยากของพื้นที่อยู่สูง ดังนั้นป้องกันไม่ให้เกิดจะดีกว่า
“จริงๆสำนักป้องกันทำข้อมูลมาเป็นจุดสายไฟ ซึ่งบันทึกมาตลอด และบอกคลับบาร์คาราโอเกะสถานบันเทิง รวมถึงโรงเรียนให้ตรวจสอบเรื่องพวกนี้ด้วย เพียงแต่เราเจอเร็วเราห้ามทัน แต่ในกรณีนี้เราพูดหลังเกิดเหตุการณ์เหมือนการพยายามแก้ จริงๆต้องระวังตั้งแต่ต้นว่าจุดอยู่ตรงไหนบ้าง เรื่องสายเร่งได้ก็ดี อย่างน้อยตรวจความชำรุดความเสียหายของมัน เราก็พร้อมให้ความร่วมมือแต่ด้วยความที่มันมีจำนวนมากหลายจุด ถ้าหน่วยงานต่างๆช่วยเราด้วย จะเร็วขึ้นได้มาก” น.ส.ทวิดากล่าว
นายชัชชาติกล่าวเสริมว่า สายแบบนี้ติดไฟเองไม่ได้ เพราะไม่มีไฟฟ้าเดินในสายสื่อสาร แต่จะเกิดในกรณีที่มีต้นเพลิงที่อื่น เช่น เกิดที่หม้อแปลงซึ่งจะลามมาตามสายได้ ต้องดูทั้งระบบ
เมื่อถามว่าจะมีการเยียวยาผู้เสียหายอย่างไร นายชัชชาติกล่าวว่า ดูแลเต็มที่เพราะมีรายชื่อทั้งหมด และอยู่ในโรงพยาบาลของกทม.ด้วยส่วนหนึ่ง ไม่มีปัญหาเรื่องดูแล เต็มที่แน่นอน