รีเซต

ดอกเบี้ยเงินกู้ 10 แบงก์ อัปเดตเดือนมิถุนายน2565 เช็กเลย!!

ดอกเบี้ยเงินกู้  10 แบงก์ อัปเดตเดือนมิถุนายน2565 เช็กเลย!!
TNN ช่อง16
9 มิถุนายน 2565 ( 16:40 )
245

ดอกเบี้ยเงินกู้ เป็นคำที่เราได้ยินกันบ่อยๆ เพราะในปัจจุบันหลายคนต้องพึ่งพาการขอสินเชื่อหรือกู้เงินเพื่อมาบริหารสภาพคล่องในครอบครัว เพราะด้วยสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจในปัจจุบัน อาจทำให้ประสบปัญหาด้านการเงินจนต้องพึ่งพาเงินอนาคต 

ซึ่งการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่อยู่ในระบบ จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่เป็นมาตรฐาน มั่นใจได้ว่าจะไม่มีดรามาเจ้าหนี้ตามทวงหนี้ หรือต้องขายไตแลกหนี้เหมือนในละครแน่นอน   


ทำความรู้จักกับ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 

อัตรา ดอกเบี้ยเงินกู้ มักอยู่ในลักษณะร้อยละต่อปี ซึ่งผู้ให้กู้ เช่น ธนาคาร หรือบริษัทเรียกเก็บจากผู้กู้เพื่อเป็นผลตอบแทนจากการให้กู้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีหลายประเภท หลายอัตรา โดยทั่วไปขึ้นอยู่กับประเภทของเงินกู้หรือสินเชื่อ ซึ่งในที่นี้ผู้ให้กู้หมายถึง สถาบันการเงิน และผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน หรือ Non-bank


ดอกเบี้ยเงินกู้ ที่พบบ่อย ๆ จะมี 2 ประเภทคือ  ดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่และแบบลอยตัว  ซึ่งจะมีความแตกต่างกัน


อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (Fixed Rate)
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว (Floating Rate)
 อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้เป็นตัวเลขเฉพาะ ไม่ขึ้นหรือลงตามต้นทุนของสถาบันการเงิน คงที่ตลอดอายุสัญญาเงินกู้หรือในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น กำหนดให้ชำระดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปี เป็นเวลา 4 ปี
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เปลี่ยนแปลงไปตามต้นทุนของสถาบันการเงิน ซึ่งสถาบันการเงินจะประกาศออกมาเป็นคราว ๆ ไป เช่น อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เช่น MLR MOR MRR


MLR MOR และ MRR คืออะไร

ถ้าคนที่ยังไม่เคยศึกษาเรื่องการขอสินเชื่อ อาจจะไม่คุ้นเคยกับดอกเบี้ยสองตัวนี้เท่าไหร่ โดยปกติแล้วอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์ใช้อ้างอิงในการเรียกเก็บ ดอกเบี้ยเงินกู้ จากลูกค้า ซึ่งจะมีลักษณะเป็นดอกเบี้ยลอยตัว เช่น

1. MLR (Minimum Loan Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี เช่น มีประวัติการเงินที่ดี มีหลักทรัพย์ค้ำประกันอย่างเพียงพอ โดยส่วนใหญ่ใช้กับเงินกู้ระยะยาวที่มีกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน เช่น สินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจ

2. MOR (Minimum Overdraft Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทวงเงินเบิกเกินบัญชี

3. MRR (Minimum Retail Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย


โดยสถาบันการเงินอาจกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บสำหรับสินเชื่อประเภทต่าง ๆ โดยบวกอัตราเพิ่มหรือลดเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเหล่านี้ เช่น MLR +/- x%


ภาพประกอบจาก : AFP 


ทำไมอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง เช่น MLR ของแต่ละธนาคารไม่เท่ากัน

การที่แต่ละธนาคารมีอัตราดอกเบี้ยไม่เท่ากัน ก็เพราะต้นทุนของธนาคารแต่ละแห่งไม่เท่ากัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัยต่างๆ  เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก สภาพคล่อง อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ธนาคารต้องดำรง ซึ่งอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงในแต่ละช่วงเวลา  นอกจากนี้ ในทางปฏิบัติธนาคารก็มักจะใช้ MLR กับทั้งลูกค้ารายใหญ่และรายย่อย


ทำไมอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีบวกหรือลบต่อท้ายด้วย เช่น MLR + X% และทำไม X% ของลูกค้าแต่ละรายจึงไม่เท่ากัน

กรณีนี้เกิดขึ้นหากผู้กู้มีความเสี่ยงสูง เช่น ฐานะทางการเงินไม่ค่อยมั่นคง ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น (X%) จากอัตราอ้างอิง เพื่อชดเชยความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละรายที่อาจแตกต่างกันไป หรือหากผู้กู้มีความเสี่ยงต่ำ ธนาคารอาจคิดดอกเบี้ยที่ถูกกว่าอัตราอ้างอิงก็ได้ เช่น MLR + X% ซึ่ง X% ของลูกค้าแต่ละรายจึงไม่จำเป็นต้องเท่ากัน และยังขึ้นกับดุลพินิจ หลักเกณฑ์ และวิธีการพิจารณาสินเชื่อที่แตกต่างกันไปของธนาคารแต่ละแห่ง ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องศึกษาข้อมูล และสอบถามธนาคารที่เราสนใจหลาย ๆ แห่ง เพื่อนำมาพิจารณาเปรียบเทียบกันดู ว่าธนาคารแห่งไหนมีเงื่อนไขที่ดีและเหมาะสมตอบโจทย์กับเรามากที่สุด 


เทียบอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของ 10 ธนาคาร ประจำเดือนมิถุนายน 2565 

 สถาบันการเงิน ดอกเบี้ย MORดอกเบี้ย MLR
ดอกเบี้ย MRR

กรุงเทพ    

 5.87
 5.25
5.95
กรุงไทย
5.82
5.25
6.22  
กสิกรไทย
5.84  
5.47  
5.97  
ไทยพาณิชย์    
5.845
 5.25
5.995
กรุงศรีอยุธยา
 5.95  
 5.58
6.05  
ทหารไทยธนชาต  
 6.15
6.125
6.28
ยูโอบี  
6.80
      6.60      
 7.35  
ซีไอเอ็มบี ไทย  
6.85
6.35  
7.35
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์    
 7.25  
6.625
7.35

อ้างอิงข้อมูลจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย   อัปเดต ณ วันที่ 9 มิ.ย.2565 

หมายเหตุ เป็นข้อมูลล่าสุดที่ ธปท.ได้รับจากธนาคารพาณิชย์ ณ เวลาประมาณ 12.00 น.

* ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2548 ไม่รวมอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ


การพิจารณาเลือกขอสินเชื่อ นอกจากอัตรา ดอกเบี้ยเงินกู้ ที่แน่นอนว่าจะต้องอยากได้ดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดในตลาด แต่ควรตัดสินใจจากปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย โดยควรศึกษาข้อมูลให้มากๆหลายๆแบงก์เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นข้อแตกต่าง ที่สำคัญเน้นเรื่องของจุดประสงค์ในการกู้ของตนเองว่ากู้เพื่ออะไร  ระยะเวลาในการผ่อนชำระและดอกเบี้ย อัตราค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เราต้องจ่าย  รวมถึงความสามารถในการชำระเงินกู้ จะต้องแน่ใจว่าจะไม่กลายเป็นหนี้เสียในอนาคต


อ้างอิงข้อมูลจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย , ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย   

ภาพจาก : AFP , TNN ONLINE 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง