#เราต้องรอด อยากเป็นเทรดเดอร์ แบบ "เบียร์-วนนท์" ต้องทำไง ?
"เบียร์ - วนนท์ วรรณป้าน" Fulltime Trader พูดในรายการ Crypto 101 season 3 ของ ก.ล.ต. เล่าว่า ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนปกติ ช่วงอายุราว 30 ปี พอดีหัวหน้ามีเพื่อนเป็นมาร์เก็ตติ้งก็ชวนกันเล่นหุ้น แล้วชวนผมไปลองศึกษาผมก็ไปฟัง ซึ่งตอนนั้นผมก็มองว่าไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่หลังจากนั้น 2 เดือนเสียหายมากกว่าที่คิด
ในแต่ละวัน ผมวางตารางเวลาดังนี้คือ
07.00 น. ตื่นนอน ระหว่างรอทานข้าวก็มาฟังว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างทั้งในตลาด ตปท. และ เอเชีย
08.00-09.30 น. เตรียมตัวเทรดในช่วงเช้า
ขณะที่ ในช่วงกลางวัน บางวันเทรดหนักๆอาจจะพัก 15 นาที และทานข้าว
14.00 น. รอตลาดเปิดเทรด ติดตามข่าวที่แจ้งในตลาดหลักทรัพย์ มีหุ้นเพิ่มทุนเข้าหรือไม่ มีอะไรเกิดขึ้นบ้างที่จะมีข่าวและมีแรงซื้อเข้ามาวันนี้
พอเทรดเสร็จ ช่วง 16.45 น. พอเวลา 17.00 น.ก็พัก พยายามทำตัวเองให้เบาที่สุด ผ่อนคลายที่สุด
**เก็งกำไรสั้น กับ ระยะยาวแบบไหนยากกว่ากัน ต่างกันอย่างไร?
ผมมองว่ายากทั้ง 2 แบบ หลายท่านอาจจะมองว่าลงทุนระยะยาวปลอดภัย หรือการลงทุนระยะสั้นไม่ปลอดภัย แต่ถ้าวันนี้สมมุติมีเงิน 1 ก้อน ถ้าเราไม่มีความรู้มันเสี่ยงทั้งหมดไม่ว่าจะลงทุนแบบไหน หรือแม้แต่เราเทรด SET50 แต่เราไม่รู้รอบของตลาดว่าอยู่โซนไหน อย่างไร หุ้นตัวนั้นมีอัตราการเติบโตขนาดไหน ถ้าเราซื้อในจังหวะที่ดี มีโชคหน่อย สมมุติซื้อตอนดัชนี 1,000 จุด โอกาสแพ้ยาก แต่ถ้าซื้อ ณ SET ตอนนี้ SET50สักตัวนึงมันบอกไม่ได้ว่าหุ้นตัวนั้นจะประสบความสำเร็จแต่แค่อัตราความผิดพลาดมันยาวกว่าเพราะการเทรดสั้นมันรู้เลยว่าพลาดแต่การลงทุนระยะยาวแต่ในความเป็นจริงเงินเราไม่ได้มีอายุยืนยาวขนาดนั้น ไม่รวมเงินเฟ้อหรืออะไร เพราะงั้นมันจึงเป็นประเด็นที่ว่าอาชีพที่เราทำอยู่เราเหมาะกับการเทรดแบบไหน ถ้าเราเป็น Fulltime ยอมรับว่าการเทรดระยะสั้นมันสามารถติดตามใกล้ชิดได้ หรือเราเป็นมนุษย์เงินเดือน การเทรดระยะสั้นอาจไม่เหมาะ แต่อาจจะเหมาะกับการเทรดระยะกลาง หรือระยะยาวได้ ดังนั้นในมุมมิงส่วนตัวจึงมองว่ายากคนละแบบ อยู่ที่ว่าเราชอบแบบไหน มีการทำงานลักษณะใด
การเทรดสั้นมีหลายมิติ ถ้าเราเสีย 2 ช่องแล้วเราได้ 20 ช่อง ถ้าเทรดที่เรตแบบนี้ ระยะยาวก็สู้ไม่ไหว เพราะสามารถปั้นหน้าตักขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ประเด็นคือถ้าเราสั้นแบบเข้าปั๊บขึ้น 1 ช่องขาย พอเข้าปั๊บอีก 2 ช่องขายแบบนี้ไม่ยั่งยืนแน่ๆ แต่ถ้าเราเล่นสั้นแล้วปล่อยราคารันเทรน เวลาเจ็บไม่มากแต่เวลาได้ก็ปล่อยรันเทรน ผมว่าแบบนี้เติบโต อย่าง Mindset ที่ว่าเล่นเอาค่ากับข้าว ตั๋วหนัง โทรศัพท์ มันไม่ใช่แบบนั้นครับ เพราะมันคือชีวิตของเราของครอบครัว รวมถึงการเทรดสั้นมันไม่ได้เป็นมิติที่ว่าเราเปิดสตรีมมิ่งแล้วเห็นหุ้นวิ่งแล้วเรากระโดดเข้าแบบนี้ไม่ใช่ มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เพราะการเทรดมันมี Fibo ตลาดเป็นเทรนเต็มที่ พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารให้ดี นอนให้อิ่ม บำรุงวิตามิน เป็นอีกมิติ อีกศาสตร์ที่ชัดเจนในการลงทุน
**เช็กกับตัวเองว่าเราเหมาะหรือไม่กับการเป็นนักเก็งกำไร
ข้อแรก ความชอบเทรดสั้น กับ ตัวตนที่เหมาะแตกต่างกัน การที่เราเทรดสั้น สมมุติแผนของเราตัดสินใจซื้อ 1 บาท ลงมา 0.97-0.98 บาท เราวางแผน cut loss 3ช่อง เราถึงเราต้องขาย ต้องมีวินัยในตัวเอง ไม่ใช่แค่เทรดระยะสั้นเท่านั้น ใครที่เป็นระยะกลาง ระยะยาวก็ต้องมีวินัยต่อการตัดสินใจ ต่อแผนของตัวเอง
สอง คือ ต้องเข้าใจความเสี่ยงและรู้จักบริหารความเสี่ยง สมมุตวันนี้เรามีหน้าตัก 100% เราไม่ได้เอามาเทรดสั้น 100% เราต้องแบ่งระยะการเทรด เพราะการเทรดสั้นความเสี่ยงสูงเพราะการพิจารณาข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น มันวิ่งขึ้นเพราะอะไร พื้นฐานดีหรือไม่ งบเติบโตขนาดไหน เราไม่ได้มีเวลาขนาดนั้นเราก็ต้องไปตามเทคนิค แต่บ่อยครั้งที่เทคนิคนั้นก็ไม่ได้ดี ดังนั้นก็ต้องมีความเข้าใจ กล้าได้กล้าเสีย ไม่ได้หมายความว่า กล้าซื้อ All-in แต่คือกล้าได้กล้าเสียในการตัดสินใจตามแผน รับได้กับความเสี่ยงขาดทุนหรือไม่
**วิธีคิดแบบไหน เทรดยังไงก็เจ๊ง!!
คนที่คิดว่าสนามนี้ต้องเติบโตแน่นอน เพราะมันจะมีความโลภเข้ามา ตัวอย่างเช่น ถ้าผมต้องการได้เดือนละ 50,000 บาท ผมต้องลงเงินเท่าไหร่ มันไม่ใช่แบบนั้น มันไม่สามารถจะการันตีแบบนั้นได้ ดังนั้นถ้าเราปักธงด้วยผลตอบแทนเป็นที่ตั้ง กระบวนการคิด การตัดสินใจ การหาความรู้จะต่างไป เราจะคิดแค่ว่าจะทำอย่างไรให้ได้เดือนละ 50,000 ซื้อเพิ่มเยอะหรือไม่ เล่นหุ้นซิ่งเยอะหรือไม่ การปักธงด้วยการที่เรานำเงินว่าเราอยากได้เท่าัน้นเท่านี้แล้วเราก้าวเข้ามา ผมไม่ได้บอกว่าการก้าวเข้ามาจะแพ้ 100%ทุกคน แต่ขอใช้ว่าส่วนมากเพราะการเทรดเป็นการใช้ทักษะ การฝึกฝน ไม่ใช่รู้เทคนิคจะเทรดได้เงิน เพราะแค่รู้แต่เราจะเลือกอย่างไร เลือกแบบไหนให้เหมาะกับเรา เลือกตัวไหน เวลาไหน ความคุ้มค่าเท่าไหร่ มันมีรายละเอียดที่เยอะมากๆ มันจึงไม่แปลกว่าทำไมคนประสบความสำเร็จมีน้อยกว่าคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ
เพราะฉะนั้นต้องปรับเปลี่ยนความคิดใหม่ เพื่อให้มีโอกาสเป็นผู้ชนะ ก็ต้องค่อยๆเรียนรู้ การเรียนรู้แต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้องเริ่มฝึกฝน มองเทรนขาขึ้น ขาลง ไซด์เวย์เป็นอย่างไร ก็ถือว่ามีโอกาสขนะ
**อยากเป็นเทรดเดอร์ต้องคิด ต้องทำไง ?
แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรก คือ เป็นมนุษย์เงินเดือน เราต้องฝึกการออมก่อน และศึกษาการลงทุนในหุ้น ทองคำ อสังหาฯ คอนโด กองทุนรวม เราอ่านเก็บความรู้ก่อนว่าเราเหมาะกับแบบไหน เพราะส่วนตัวเคยถือหุ้นนาน 3 เดือนเล่นเอาเกือบเป็นซึมเศร้า มันนานมาก เราไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนั้น ผมพยายามเปลี่ยนตัวเองแล้วแต่ทำไม่่ได้ ช่วงที่เก็บออมเงิน เราก็สั่งสมความรู้ เมื่อความสำเร็จขยับเข้ามา งานลงทุนที่เป็นงานรองจะค่อยๆแซงงานหลักที่เป็นรายได้ประจำของเรา และเมื่อมันแซงจนเราบริหารจัดการเงินบนหน้าตักได้ พอเราฟิกส์คอสได้ว่าแต่ละเดือนมีรายจ่ายเท่าไหร่อย่างไร แล้วพอเราเทรดมีกำไรมากกว่าก็จะเริ่มเห็นทางสว่าง ว่าอาชีพที่เป็น Fulltime Trader มันเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว
กลุ่ม 2 คือ กลุ่มที่ออกมาเป็น Fulltime Trader เด็กยุคใหม่ที่คุณพ่อคุณแม่มีเงินซัพพอร์ต เป็นแนวฝึกฝนชัดเจน
.
.
ข้อมูลจาก เพจ สำนักงาน กลต. และ เพจ start-to-invest