รีเซต

"ค่าไฟแพง" รวมเทคนิคอยู่บ้านอย่างไรให้ประหยัด "ค่าไฟ-ค่าน้ำ" ทำตามได้ไม่ยาก ได้ผลจริง!

"ค่าไฟแพง" รวมเทคนิคอยู่บ้านอย่างไรให้ประหยัด "ค่าไฟ-ค่าน้ำ" ทำตามได้ไม่ยาก ได้ผลจริง!
TNN ช่อง16
19 สิงหาคม 2565 ( 11:48 )
370
"ค่าไฟแพง" รวมเทคนิคอยู่บ้านอย่างไรให้ประหยัด "ค่าไฟ-ค่าน้ำ" ทำตามได้ไม่ยาก ได้ผลจริง!

ยุคค่าไฟแพง เป็นอันที่ทราบกันดีแล้วว่า ค่าไฟ หรือ ค่าเอฟที รอบเดือนก.ย. - ธ.ค. 2565 จะถูกปรับเพิ่มขึ้นอีก 68.66 สตางค์ต่อหน่วย รวมเป็นค่าเอฟทีทั้งสิ้น 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย 

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการประหยัดเงินในกระเป๋า TNN Online ได้รวบรวมวิธีการประหยัดค่าไฟฟ้า สำหรับอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆภายในบ้าน ทำง่ายได้ผลจริง รวมถึงวิธีการประหยัดน้ำ ไปดูกันเลย



ภาพจาก TNN Online

 



 


วิธการประหยัดไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แนะนำดังนี้

ไฟฟ้าแสงสว่าง

-ควรปิดไฟทุกครั้งเมื่อไม่มีคนอยู่ในห้อง

-เลือกใช้หลอดไฟที่มีกำลังวัตต์เหมาะสมกับการใช้งาน

-สำหรับบริเวณที่ต้องการความสว่างมาก ภายในอาคารควรเลือกใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ ส่วนภายนอกอาคารควรเลือกใช้หลอดไอโซเดียม และหลอดไอปรอท

-ควรใช้ฝาครอบดวงโคมแบบใสหากไม่มีปัญหาเรื่องแสงจ้า และหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ

-พิจารณาใช้โคมไฟตั้งโต๊ะสำหรับงานที่ต้องการแสงสว่างจุดเดียว

-ควรถอดปลั๊กอุปกรณ์ให้แสงสว่างเมื่อไม่ใช้เป็นเวลานาน

-ควรเลือกใช้โคมไฟแบบสะท้อนแสงแทนแบบเดิมที่ใช้พลาสติกปิด 

-ควรใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์หรือหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ แทนหลอดไส้ ซึ่งมีคำแนะนำในการใช้ดังนี้

-หลอดฟลูออเรสเซนต์แบบผอม ขนาด 18 วัตต์ และ 36 วัตต์ มีความสว่างเท่ากับ หลอด 20 วัตต์ และ 40 วัตต์แต่ประหยัดไฟกว่า และสามารถใช้แทนกันได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนบัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์

-หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์มี 2 ชนิด คือ ชนิดมีบัลลาสต์ภายในสามารภใช้แทนหลอดกลมแบบเกลียวได้ ส่วนหลอดที่มีบัลลาสต์ภายนอก จะมีขาเสียบเพื่อต่อกับตัวบัลลาสต์ที่อยู่ภายนอก

-หลอด LED ใช้พลังงานไฟฟ้าต่ำ และให้แสงสว่างเท่าหลอดไฟแบบฟลูออเรสเซนต์ และหลอดใส้ 


เตารีด

-เตารีดเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทให้ความร้อน ซึ่งในการรีดแต่ละครั้งจะกินไฟมากดังนั้นจึงควรรู้จัดวิธีใช้อย่างประหยัดและปลอดภัย

-ก่อนอื่นควรตรวจสอบดูว่าเตารีดอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งานหรือไม่ เช่น สาย ตัวเครื่อง เป็นต้น

-ตั้งปุ่มปรับความร้อนให้เหมาะสมกับชนิดของผ้า

-อย่าพรมน้ำจนเปียกแฉะ

-ดึงเต้าเสียบออกก่อนจะรีดเสร็จประมาณ 2-3 นาที แล้วรีดต่อไปจนเสร็จ

-ควรพรมน้ำพอสมควร

-ถอดปลั๊กออกเมื่อไม่ได้ใช้

-ควรรีดผ้าคราวละมากๆ ติดต่อกันจนเสร็จ

-ควรเริ่มรีดผ้าบาง ๆ ก่อน ขณะเตารีดยังไม่ร้อน

-ควรดึงปลั๊กออกก่อนรีดเสร็จเพราะยังร้อนอีกนาน

-ควรซักและตากผ้าโดยไม่ต้องบิด จะทำให้รีดง่ายขึ้น


พัดลม

-เปิดความเร็วลมพอควร

-เปิดเฉพาะเวลาใช้งาน

-ควรเปิดหน้าต่างใช้ลมธรรมชาติแทนถ้าทำได้


เครื่องเป่าผม

-เช็ดผมก่อนใช้เครื่อง

-ควรขยี้และสางผมไปด้วยขณะเป่า


เครื่องดูดฝุ่น

-ควรเอาฝุ่นในถุงทิ้งทุกครั้งที่ใช้แล้วจะได้มีแรงดูดดี ไม่เปลืองไฟ 


ตู้เย็น ตู้แช่

-ตั้งอุณหภูมิพอสมควร

-นำของที่ไม่ร้อนใส่ตู้เย็น

-ปิดประตูตู้เย็นทันทีเมื่อนำของใส่หรือออก

-ปิดประตูตู้เย็นให้สนิท

-หากยางขอบประตูรั่วให้รีบแก้ไข

-เลือกตู้เย็นหรือตู้แช่ชนิดมีประสิทธิภาพสูง

-ควรใช้ตู้เย็นขนาดเหมาะกับครอบครัว

-ควรตั้งตู้เย็นให้ห่างจากแหล่งความร้อน ให้หลังตู้ห่างจากฝาเกิน 15 ซ.ม. เพื่อระบายความร้อนได้สะดวก ไม่เปลื่องไฟฟ้า

-ควรหมั่นทำความสะอาดแผงระบายความร้อน

-ควรเก็บเฉพาะอาหารเท่าที่จำเป็น

-ตู้เย็นแบบประตูเดียวกินไฟน้อยกว่าแบบ 2 ประตู

-หมั่นละลายน้ำแข็งเมื่อเห็นว่าน้ำแข็งเกาะหนามาก


หม้อหุงข้าวไฟฟ้า

-หากใช้อย่างถูกต้องสามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มาก ซึ่งมีข้อแนะนำดังนี้

-ควรหุงข้าวให้พอดีกับจำนวนผู้รับประทาน

-ควรถอดเต้าเสียบออกเมื่อข้าวสุกแล้ว

-อย่าทำให้ก้นหม้อตัวในเกิดรอยบุบ จะทำให้ข้าวสุกช้า

-หมั่นตรวจบริเวณแท่นความร้อนในหม้อ อย่าให้เม็ดข้าวเกาะติด จะทำให้ข่าวสุกช้าและเปลืองไฟ

-ใช้ขนาดที่เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในครอบครัว

-ควรดึงปลั๊กออกเมื่อข้าวสุกพอแล้ว 

-ใส่น้ำให้มีปริมาณพอควร

-ควรปิดฝาให้สนิทขณะหุงข้าว


เครื่องสูบน้ำ

เครื่องสูบน้ำเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อำนวยความสะดวกอย่างยิ่งซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการสูบน้ำไปยังถังเก็บหรือ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ซึ่งมีวิธีการใช้อย่างประหยัดดังนี้

-ควรติดตั้งอุปกรณ์อัตโนมัติควบคุมระดับน้ำในถังและหมั่นปรับตั้งให้ถูกต้องเสมอ

-ติดตั้งท่อน้ำให้มีขนาดเหมาะสมกับขนาดปั้ม

-ควรตรวจแก้ไขจุดรั่วในระบบน้ำ

-ควรติดตั้งถังเก็บน้ำในตำแหน่งที่ไม่สูงเกินไป

-ควรติดตั้งอุปกรณ์อัตโนมัติควบคุมระดับน้ำในถังเก็บ และดูแลรักษาให้ทำงานได้อยู่เสมอ

-หากตัวถังเก็บน้ำไม่มีอุปกรณ์อัตโนมัติควบคุมระดับน้ำ ควรดูแลอย่าให้น้ำล้นถัง

-เครื่องสูบน้ำแบบใช้สายพานต้องตรวจสอบไม่ให้หย่อนหรือตึงเกินไป


เครื่องซักผ้า

-ควรใส่ผ้าแต่พอเหมาะ ไม่น้อยเกินไป และไม่มากจนเกินกำลังเครื่อง

-ควรใช้น้ำเย็นซักผ้า ส่วนน้ำร้อนให้ใช้เฉพาะกรณีรอยเปื้อนไขมันมาก

-ควรใส่ผ้าที่จะซักตามคำแนะนำของแต่ละเครื่อง

-หากมีผ้าต้องซัก 1-2 ชิ้น ควรซักด้วยมือ

-หากมีแสงแดดไม่ควรใช้เครื่องอบแห้ง ควรจะนำเสื้อผ้าที่ซักเสร็จมาตากแดด


มอเตอร์ไฟฟ้า

-ควรตรวจสอบแก้ไข และอัดจารบีตามวาระ

-ปรับปรุงสายพานมอเตอร์ เช่น ปรับความตึงสายพาน เปลี่ยนสายพานใหม่

-พิจารณาเปลี่ยนระบบควบคุมความเร็วของมอเตอร์เป็นระบบอีเล็กทรอนิกส์


เตาอบ เตาไฟฟ้า

เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทนี้ ใช้ความร้อนมาทำให้อาหารสุก หากให้ความร้อนสูญเสียไปโดยการใช้ไม่ถูกวิธี ทำให้อาหารสุกช้าลง กินกระแสไฟเพิ่มขึ้นจึงมีข้อแนะนำ

การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทนี้อย่างประหยัดคือ

-ควรเตรียมเครื่องปรุงในการประกอบอาหารให้พร้อมก่อนใช้เตา

-ควรใช้ภาชนะก้นแบนและเป็นโลหะจะทำให้รับความร้อน จากเตาได้ดี

-ในการหุ่งต้มอาหารควรใส่น้ำให้พอดีกับจำนวนอาหาร

-ในระหว่างอบอาหารอย่าเปิดตู้อบบ่อย ๆ

-ถอดเต้าเสียบทันทีเมื่อปรุงอาหารเสร็จเรียบร้อย

-ควรหรี่ไฟและปิดฝาหม้อในกรณีที่ต้องเคี่ยว

-ควรใช้พาหนะก้นแบนขนาดพื้นที่ก้นเหมาะกับพื้นที่หน้าเตาและใช้พาหนะที่มีเนื้อโลหะรับความร้อนได้ดี หากเป็นไปได้ให้ใช้กับเตาไฟฟ้าซึ่งมีขายทั่วไปอยู่แล้ว

-ควรปิดฝาภาชนะให้สนิทขณะตั้งเตา



ภาพจาก TNN Online

 


เครื่องทำน้ำอุ่น

-ปรับปุ่มความร้อนให้เหมาะสมกับร่างกาย

-ปิดวาล์วทันทีเมื่อไม่ใช้งาน

-หากมีรอยรั่วควรรีบทำการแก้ไขทันที

-ต่อสายลงดินในจุดที่จัดไว้ให้ของเครื่องทำน้ำอุ่น

-ปิดสวิชต์ไฟฟ้าของเครื่องทำน้ำอุ่นเมื่อไม่ใช้

-ปฏิบัติตามคำแนะนำที่แนบมากับเครื่อง

-ใช้เครื่องขนาดพอสมควร

--ปรับความร้อนไม่ให้ร้อนเกินความจำเป็น

-ปิดก๊อกทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งาน

-ในฤดูร้อนไม่จำเป็นต้องใช้น้ำร้อน หรือน้ำอุ่น

-ควรใช้น้ำอุ่นที่ได้ความร้อนจากแสงอาทิตย์  


เครื่องปรับอากาศ

การใช้เครื่องปรับอากาศให้มีความเย็นที่สบายต่อร่างกาย จะประหยัดค่าไฟฟ้าอย่างได้ผล ซึ่งควรปฏิบัติดังนี้

-ปิดเครื่องทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งาน

-ปิดประตูหน้าต่างและผ้าม่านกันความร้อนจากภายนอก

-ตั้งอุณหภูมิไม่ควรต่ำกว่า 26 องศาเซลเซียส

-ควรใช้เครื่องขนาดเหมาะสมกับขนาดห้อง

-ควรเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง

-ควรติดตั้งเครื่องระดับสูงพอเหมาะ และให้อากาศร้อนระบายออกด้านหลังเครื่องได้สะดวก

-ควรบุผนังห้อง และหลังคาด้วยฉนวนกันความร้อน

-ควรบำรุงรักษาเครื่องให้มีสภาพดีตลอดเวลา

-ควรหมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ และแผงระบายความร้อน

-ในฤดูหนาวขณะที่อากาศไม่ร้อนมากเกินไป ไม่ควรเปิดเครื่องปรับอากาศ

-ปิดประตู หน้าต่างให้มิดชิดไม่ให้ความเย็นรั่วไหล

-พิจารณาติดตั้งบังแสงหรือกันแดด เพื่อลดภาระการทำงานของเครื่อง 

-ควรใช้ผ้าม่านกั้นประตูหน้าต่าง เพื่อป้องกันความร้อนจากภายนอก

-ปฏิบัติตามคำแนะนำที่แนบมากับเครื่องปรับอากาศ


ขณะที่ การไฟฟ้านครหลวง แนะอยู่บ้านอย่างไรให้ประหยัดไฟ ดังนี้ 

1.ถอดปลั๊กทุกครั้งหลังใช้งาน 

2.ใช้หลอดไฟแบบ LED 

3.เปิดแอร์ในอุณหภูมิที่พอเหมาะ 26 °C แต่หากต้องการความรู้สึกเย็นสบายเท่ากับ 24°C ให้เปิดพัดลมช่วย โดยไม่ต้องลดอุณหภูมิของแอร์ 

4.รีดผ้าครั้งละมาก ๆ ไม่ควรรีดบ่อย ๆ 

5.ปิดโทรทัศน์ และถอดปลั๊กทุกครั้งหลังใช้งาน และไม่ควรปิดด้วยรีโมท 

6.จัดระเบียบตู้เย็นให้เหมาะสม และไม่เปิดตู้เย็นบ่อย ๆ ไม่เปิดทิ้งไว้นาน ๆ 

7.ทิ้งฝุ่นในถุงเครื่องดูดฝุ่นทุกครั้ง เพื่อให้มีแรงดูดดี 



ภาพจาก TNN Online

 


ด้าน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ได้เคยเผยข้อมูลว่า หากเลือกใช้แอร์หรือเครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ติดดาว จะช่วยประหยัดเงินค่าไฟฟ้าได้มากขึ้น

อัตราค่าไฟฟ้าตามระดับประสิทธิภาพ

-เบอร์ 5 : แบบธรรมดา อัตราค่าไฟฟ้า 917.12 บาท/เดือน

-เบอร์ 5 : แบบ 1 ดาว ★ อัตราค่าไฟฟ้า 850.90 บาท/เดือน

-เบอร์ 5 : แบบ 2 ดาว ★★ อัตราค่าไฟฟ้า 793.60 บาท/เดือน

-เบอร์ 5 : แบบ 3 ดาว ★★★ อัตราค่าไฟฟ้า 743.53 บาท/เดือน

เพราะฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ดาวยิ่งมาก ยิ่งประหยัดไฟ ดังนั้นหากทุกคนหันมาใช้แอร์หรือเครื่องปรับอากาศที่มีฉลากเบอร์ 5 ติดดาว พร้อมทำตามวิธีประหยัดไฟฟ้า

เช่น เปิดอุณหภูมิ 26 -27 องศาเซลเซียส พร้อมเปิดพัดลมควบคู่กัน จะช่วยประหยัดค่าไฟและเงินในกระเป๋าได้มากขึ้น ที่สำคัญยังถือเป็นการช่วยลดการใช้พลังงานในขณะที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตด้านพลังงานในปัจจุบันอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ค่าไฟฟ้าคำนวณจาก เครื่องปรับอากาศ Fixed Speed 12,000 บีทียู/ชั่วโมง และอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยหน่วยละ 3.96 บาท


ภาพจาก กฟผ.

คำนวณค่าไฟฟ้า

ระบบประมาณการค่าไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค คลิก

การคิดค่าไฟฟ้าประเภทต่างๆ การไฟฟ้านครหลวง คลิก




how to การใช้น้ำอย่างประหยัด



ภาพจาก TNN Online

 


การประปานครหลวง เผย จากสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ที่ทวีความรุนแรง และขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง การใช้น้ำอย่างประหยัด โดยใช้เท่าที่จำเป็น 

และให้เกิดประโยชน์สูงสุดจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาทรัพยากรน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เพียงพอ มาร่วมสร้างจิตสำนึกในการใช้น้ำ ทุกที่ ทุกเวลา 

โดยเริ่มจากภายในบ้านของเราเองด้วยวิธีง่ายๆดังนี้

-ปิดน้ำระหว่างล้างมือ สระผม ฟอกสบู่ และเปลี่ยนมาใช้ฝักบัวรูยิ่งเล็ก ยิ่งประหยัดน้ำ

-ใช้แก้วรองน้ำสำหรับแปรงฟัน ประหยัดน้ำได้มากกว่าใช้มือรองน้ำ

-ใช้ภาชนะรองน้ำ เพื่อล้างผักและผลไม้ แล้วนำน้ำสุดท้ายไปรดน้ำต้นไม้ด้วยบัวรดน้ำ หรือถูพื้นนอกบ้าน

-ใช้กระดาษเช็ดคราบอาหารก่อนล้างจาน โดยล้างทำความสะอาดพร้อมกันในอ่าง ประหยัดน้ำกว่าเปิดล้างผ่านก๊อกโดยตรง

-รวบรวมปริมาณเสื้อผ้าให้มากเพียงพอก่อนซักผ้า แล้วใช้เครื่องซักผ้าโหมดประหยัดพลังงาน (ECO) ประหยัดน้ำ

-รองน้ำใส่ถังเพื่อล้างรถลดการใช้น้ำได้มากกว่าการใช้สายยาง 20-50 %



ภาพจาก TNN Online

 


อย่างไรก็ตาม สำนักงาน กกพ. ได้โพสต์ไขข้อสงสัย 4 สาเหตุหลักทำไมค่าเอฟทีจึงปรับเพิ่มขึ้น การขึ้นค่าเอฟทีในช่วงปี 2565-2566 นี้มีสาเหตุหลักๆ มาจากสัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวในตลาดจร (Spot LNG) ที่เพิ่มสูงขึ้นเพื่อทดแทนก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยและพม่าที่ปริมาณลดลงอย่างมีนัยสำคัญรวมทั้งความผันผวนของ Spot LNG ในตลาดโลกสรุปได้ ดังนี้


(1) ปริมาณก๊าซในประเทศที่ลดลง จากเดิมสามารถจ่ายก๊าซได้ 2,800 – 3,100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (MMSCFD) ลดลงเหลือราว 2,100 – 2,500 MMSCFD ทำให้ต้องนำเข้า Spot LNG เข้ามาเสริมหรือเดินเครื่องโรงไฟฟ้าด้วยน้ำมันเพื่อทดแทนปริมาณก๊าซที่ขาด แต่ในช่วงสงครามรัสเซีย - ยูเครน ส่งผลให้ราคา Spot LNG มีราคาแพงและผันผวนในช่วงประมาณ 25-50 USD/MMBTU เทียบกับก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่มีราคาประมาณ 6-7 USD/MMBTU ดังนั้นการทดแทนก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยด้วย LNG หรือใช้น้ำมันจะส่งผลให้ค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ


(2) การผลิตก๊าซจากพม่าที่ไม่สามารถผลิตได้ตามกำลังการผลิตเดิมและมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปี 2565 และต้นปี 2566 ซึ่งอาจทำให้มีความต้องการนำเข้า LNG มากกว่าที่ประมาณการไว้เดิม


(3) สถานการณ์ผู้ผลิต LNG ชะลอการลงทุนอันเนื่องมาจากมีความต้องการใช้พลังงานน้อยในช่วงโควิด-19 ในปลายปี 2564 หลังจากที่หลายประเทศเริ่มฟื้นตัวจากโควิดทำให้ความต้องการใช้ LNG มีมากกว่ากำลังการผลิตในตลาดโลก ส่งผลกระทบต่อราคาและการเจรจาสัญญาซื้อขาย LNG โดยเริ่มมาตั้งแต่ปลายปี 2564 และต่อเนื่องตลอดปี 2565 และคาดว่าจะต่อเนื่องไปในปี 2566


(4) สภาวะสงครามรัสเซีย - ยูเครน ทำให้รัสเซียลดหรือตัดการจ่ายก๊าซธรรมชาติทางท่อไปยังยุโรป ทำให้ความต้องการ LNG เพิ่มขึ้นอย่างมากในยุโรปและส่งผลกระทบทางอ้อมต่อราคา LNG ในตลาดเอเชีย


ความไม่แน่นอนของแหล่งก๊าซธรรมชาติในประเทศและในพม่า รวมทั้งสภาวะตลาดที่ไม่เอื้อต่อการเจรจาสัญญา LNG ทำให้ กกพ. ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อใช้เชื้อเพลิงสำรอง เช่น น้ำมันเตา น้ำมันดีเซล หรือเชื้อเพลิงประเภทอื่น เช่น ถ่านหิน พลังน้ำ และพลังงานทดแทน เพื่อรองรับสถานการณ์ขาดแคลนก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นสถานการณ์ต่อเนื่องจากปลายปี 2565 และต่อเนื่องไปตลอดปี 2566 


ตามแนวทางการบริหารเชื้อเพลิงในสภาวะวิกฤตที่ได้เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ไปแล้ว กกพ. จึงขอให้มีการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดเพื่อให้สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า ลดการนำเข้า Spot LNG และเพิ่มความมั่นคงในการผลิตไฟฟ้าในช่วงดังกล่า





ภาพจาก TNN Online / MEA

ข่าวที่เกี่ยวข้อง