งัดธีมเจ้าของกิจการกอดหุ้นแน่น KTAMชี้บริหารดี-ผลตอบแทนสูง

#KTAM #ทันหุ้น - KTAMร่วมกับ UOBT เปิดตัวธีมลงทุนที่เน้นผู้บริหารงานถือครองหุ้นในสัดส่วนเกิน 5% ขึ้นไป โดยเน้นลงทุนในบริษัททั่วโลก มองมีผลต่อการบริหาร เพราะการมีส่วนได้ส่วนเสีย ทำให้บริหารอย่าวรอบคอบ พร้อมสร้างโอกาสทำผลตอบแทนที่ดีตามมา เสนอขาย กองทุน “KT-GFO” พร้อม IPO ตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ – 7 มีนาคมนี้
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า บริษัทเห็นโอกาสจากการลงทุนภายใต้แนวคิด Skin in the Game คือ การเน้นลงทุนในบริษัทที่ผู้ก่อตั้งหรือผู้บริหารถือครองหุ้นของบริษัทในสัดส่วนที่สูง และมีส่วนได้ส่วนเสียต่อผลประกอบการของกิจการในฐานะผู้ถือหุ้นอย่างแท้จริง เพราะสะท้อนว่า ผู้ก่อตั้งกิจการหรือผู้บริหารมีสัดส่วนถือหุ้นสูงมากเท่าไหร่ก็มักจะทำให้โอกาสได้รับผลตอบแทนสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
จากมุมมองดังกล่าว บริษัทจึงได้เปิดเสนอขาย กองทุนเปิดเคแทม Global Founders and Owners (KT-GFO)โดยเสนอขายครั้งแรกวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 7 มีนาคม 2568 นี้สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทุนได้ผ่านแอปพลิเคชัน KTAM Smart Trade และธนาคารยูโอบี ได้ทุกสาขา
กองทุน KT-GFO (ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Invesco Global Founders & Owners Fund (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยกองทุนหลักมีเป้าหมายที่จะลงทุนในหุ้นที่มีการกระจุกตัวในบริษัทที่ทีมผู้บริหารหรือคณะกรรมการบริหาร มีสมาชิกเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท บุคคลที่ถือครองหุ้นของบริษัทในสัดส่วนที่สูง
กองทุนหลักถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การลงทุนในระยะยาวในหุ้นทั่วโลก ภายใต้แนวคิด “Skin in the Game”ซึ่งเป็นแนวคิดที่เป็นเอกลักษณ์ โดยแนวคิดนี้มีแนวโน้มที่จะลงทุนกับผู้บริหารที่มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตในระยะยาว มากกว่าการเน้นการเติบโตระยะสั้น ซึ่งแนวทางการคัดเลือกหุ้นแบบนี้ถือว่าเป็นจุดแตกต่างสำคัญจากกองทุนหุ้นทั่วโลกในอุตสาหกรรมเลยทีเดียว
*เน้นถือครองหุ้นมากกว่า 5%
สำหรับกองทุนหลักมีการบริหารการลงทุนแบบเชิงรุก (Active Investing) ผ่านการวิเคราะห์หุ้นแบบรายตัว (Bottom-Up) เป็นหลัก โดยจะลงทุนแบบกระจุกตัวในหุ้นราว 25-35 บริษัท (High Conviction)และสามารถลงทุนได้อย่างยืดหยุ่นโดยไร้ข้อจำกัด (Unconstrained Strategy) นอกจากนี้ ผู้จัดการกองทุนหลักอย่าง Invesco ได้มีการจัดทำ Universe การลงทุนพิเศษ โดยเลือกจากกลุ่มบริษัทที่นิยามว่าเป็น Founders & Ownersซึ่งหมายถึงบริษัทที่มีผู้ก่อตั้งถือครอง/มีครอบครัวถือครอง หรือมีผู้บริหารถือครองสูง คือต้องถือครองหุ้นมากกว่า 5% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท (Total Shares Outstanding) หรือต้องมีมูลค่าของหุ้นที่ถือครองอยู่ไม่น้อยกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับกระบวนการลงทุนของผู้จัดการกองทุนหลัก จะประกอบด้วย การค้นหาและคัดกรองไอเดียการลงทุนที่ดีที่สุด จากโอกาสการลงทุนที่เป็นไปได้ในธุรกิจที่ดี และบริษัทที่มีผู้ก่อตั้งหรือผู้บริหารถือครอง โดยจะโฟกัสเฉพาะไอเดียการลงทุนที่ดีที่สุดเท่านั้น พร้อมทั้งทำการประเมินผลตามChecklist และสร้างโมเดลวิเคราะห์
และเมื่อได้บริษัทที่เหมาะสมแล้ว จะทำการสร้างพอร์ตการลงทุนโดยเปรียบเทียบหุ้นแต่ละตัว ด้วยการใช้ Model ข้อมูล IRR และจะทำการโฟกัสไปที่หุ้นที่ดีที่สุด และสุดท้ายจะทำการดูแลพอร์ตการลงทุนอย่างเข้มข้น เพื่อให้มั่นใจว่ายังเป็นไปตามที่ประมาณการไว้ (ที่มา : Invesco, ข้อมูล ณ วันที่ 31 ม.ค. 68)
โดยปัจจุบันกองทุนรวมหลัก ได้มีการกระจายการลงทุนไปทั่วโลก และเน้นในหุ้นที่เป็นบริษัทที่มีผู้ก่อตั้งกิจการ หรือ CEO ที่เข้ามาถือหุ้นในกิจการ โดยเบื้องต้นได้ลงทุนในหลักทรัพย์ 5 อันดับแรก ได้แก่ Constellation Software, 3i, Microsoft, Recordati Industria Chimica eFarmaceutica และ Thermo Fisher Scientific เป็นต้น (ที่มา : Invesco, ข้อมูล ณ วันที่ 31 ม.ค. 68)