จับตาพรุ่งนี้ 'นายกฯ' นั่งหัวโต๊ะถก ศบค.ชุดใหญ่ ชี้ยังไม่ยกระดับมาตรการ เพียงเน้นย้ำป้องกันโควิด

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ เวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 3/2565 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล แบบเต็มคณะ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการรับฟังรายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ทั้งที่เกิดขึ้นในต่างประเทศและในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กที่ได้ประชุมกันเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ระบุว่า จะไม่มีการเสนอให้ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ยกระดับมาตรการใดเป็นพิเศษ เป็นเพียงการเน้นย้ำและการแจ้งเตือนเท่านั้น

แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับการประชุม ศบค.ชุดใหญ่นั้น ทางศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีโรคติดต่อเชื้อโควิด-19 หรือ ศปก.สธ.จะได้รายงานสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการท่องเที่ยวและกีฬา (ศปก.ทท.) จะรายงานการเปิดรับนักท่องเที่ยวในรูปแบบเทสต์แอนด์โก กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะรายงานการเปิดการเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช) จะรายงานการตรวจ ATK ที่ให้ประชาชนเข้าถึงได้สะดวกและค่าบริการที่เหมาะสม กระทรวงแรงงานจะรายงานความคืบหน้าการนำแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาและเมียนมาเข้ามาทำงานตามมาตรา 64 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560

นอกจากนี้ ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่จะพิจารณาเรื่องแผนให้บริการวัคซีนโรคโควิด-19 ที่ ศปก.สธ.เป็นผู้เสนอ และการจัดทำความตกลง Air Travel Bubble (ATB) ระหว่างไทย-อินเดีย ที่เสนอโดยกระทรวงคมนาคม และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม ศบค.จะได้เน้นย้ำและแจ้งเตือนกรณีให้ปฏิบัติตามแนวทางประกาศและคำสั่งของ ศบค.ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่42), ประกาศเรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่16),

คำสั่ง ศบค.ที่ 3/ 2565 เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548, คำสั่ง ศบค.ที่ 4/2565 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 22) รวมถึงรายงานเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยศูนย์ปฏิบัติการด้านการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง