เมื่อรัฐบาลทหารเมียนมาไล่กวาดล้างกลุ่มผู้ต่อต้านรัฐประหาร
Editor’s Pick: ‘จู่โจม-ยึดครอง-ทำลายเมือง’ เมื่อรัฐบาลทหารเมียนมาไล่กวาดล้างกลุ่มผู้ต่อต้านรัฐประหาร จนผู้คนนับหมื่นต้องหนีตายเข้าป่าไร้อาหาร-น้ำ-ยา
เปลี่ยนเป้าหมายล่า
ห่างออกไปจากทางทิศตะวันตกของเมียนมา บนเส้นทางที่คดเคี้ยว คับแคบและสูงชัน เป็นที่ตั้งของหลายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นที่รวมตัวของเหล่ากลุ่มชาติพันธุ์ผู้สืบทอดประเพณีต่าง ๆ มาหลายชั่วอายุคน
ชาวชิน หนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ของเมียนมา คุ้นเคยกับภูมิศาสตร์บริเวณรอบเนินเขาและป่าทึบเป็นอย่างดี อีกทั้งพวกเขามีทักษะการล่า และจัดทำอาวุธเพื่อใช้สำหรับในการล่าสัตว์เป็นอาหาร
แต่ทักษะที่มีตอนนี้ ต้องเปลี่ยนไปเป้าหมายอื่นแทน หลังทหารเมียนมาเริ่มใช้กำลังปราบปรามผู้ประท้วงอย่างสันติ และจับกุมประชาชนหลายพันคน นับแต่กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
กำเนิดกลุ่ม CDF
ชาวชินตัดสินใจลุกขึ้นมาหยิบอาวุธ เพื่อใช้ปกป้องหมู่บ้านของพวกเขา จากการโจมตีของกองทัพเมียนมาที่เกิดขึ้นตามรัฐต่าง ๆ ที่มีผู้ประท้วงต่อต้านการรัฐประหารหลบซ่อนตัวอยู่
กองกำลังป้องกันแผ่นดินชิน หรือ CDF ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายน ปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านธรรมดา นักเรียน โดยเฉพาะนักศึกษาที่เป็นกำลังหลักของกลุ่มนี้ หลังเกิดเหตุนองเลือดระหว่างผู้ประท้วงทั่วประเทศกับกองกำลังความมั่นคง
นับแต่นั้นมา เกิดการปะทะระหว่างกลุ่ม CDF และกองทัพเมียนมาอยู่บ่อยครั้ง มีการดักซุ่มโจมตีขบวนรถทหาร และยิงปืนใส่กันไปมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์
กองทัพเมียนมาระบุในสื่อของรัฐว่า "ผู้ก่อการร้ายติดอาวุธ" โจมตีสถานีตำรวจและธนาคารแห่งหนึ่งในเมืองมินดัต และโจมตีกองกำลังรักษาความปลอดภัย ทำลายยานพาหนะและสังหารทหารด้วย เป็นเหตุผลให้ต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่ดังกล่าว
ทิ้งเมืองเพื่อรักษาพลเรือน
การปะทะกันเริ่มตึงเครียดเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา กองทัพเมียนมาเปิดฉากโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินใส่เมืองมินดัตอย่างเต็มกำลัง โดยใช้ปืนกล ระเบิด RPG ปืนใหญ่ และอาวุธหนักต่าง ๆ เพื่อปราบปรามกองกำลังกลุ่มต่อต้าน
เมื่อการโจมตีเริ่มรุนแรงขึ้น กลุ่ม CDF จึงตัดสินใจถอยกลับเข้าไปในป่า เพราะพวกเขามีเพียงอาวุธที่สร้างมาจากภูมิปัญญาชาวบ้านเท่านั้น
“ถ้าเราสู้กลับ จะเกิดความสูญเสียต่อพลเรือนเป็นจำนวนมาก จะมีการยิงอาวุธหนักเข้าไปในบ้านเรือนและอาคารมากขึ้น เราสละชีวิตพลเรือนไม่ได้ เราจึงต้องหลีกเลี่ยงการปะทะ” สมาชิกกลุ่ม CDF ที่ไม่ประสงค์ออกนามบอกกับ CNN
“เรามีแต่เพียงปืนประดิษฐ์ ยิงได้แค่นัดเดียว ยิงเสร็จก็ต้องใส่ผงดินปืนเข้าไปใหม่ แต่มันก็ยังใช้ไม่ได้ เพราะฝนดันตกหนัก”
กองทัพบุกยึดเมืองมินดัต
จากการล่าถอยครั้งนี้ของกลุ่ม CDF ทำให้กองทัพเมียนมาเข้ายึดครองเมืองมินดัตได้ทั้งหมด ก่อนตัดแหล่งน้ำในเมือง นอกจากนี้ มีรายงานว่า ทหารเผาบ้านเรือน และจัดพลแม่นปืนไว้ตามถนนรอบเมือง
“ฝนยังตก เราถูกแมลงในป่ากัด เราอยู่อย่างหวาดกลัว” สมาชิก CDF คนเดิมเล่า พวกเขาไม่กล้ากลับไปหาผ้าห่ม อาหาร และเสบียงอื่น ๆ เนื่องจากทหารปิดถนน พวกเขาไม่สามารถกลับไปดูแลฟาร์มหรือเก็บเกี่ยวพืชผลได้
การเข้ายึดเมืองของกองทัพเมียนมาในครั้งนี้ เหมือนเชือดไก่ให้ลิงดู เป็นการส่งสัญญาณให้รัฐอื่น ๆ ทั่วประเทศ ได้เห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อพวกเขาต่อต้านกองกำลังทหาร
สาลัย เบน อายุ 24 ปี ทำงานในเมืองมินดัต เขากล่าวว่า เมืองถูกล้อมกรอบอย่างสมบูรณ์ เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่หลบหนีออกไปได้ทันก่อนทหารจะบุกโจมตี
“ทหารขอให้พลเรือนที่ต้องการออกจากเมืองโบกธงขาว และเมื่อเราออกจากเมือง ทหารตรวจสอบโทรศัพท์ บัตรประชาชน กระเป๋าเดินทาง และรถจักรยานยนต์ของเรา มีจุดตรวจประมาณ 5 จุด” เขากล่าว
ชาวบ้านกำลังจะตาย
หลังเกิดการจู่โจมเมืองมินดัต การปราบปรามของกองทัพยังคงดำเนินต่อไป ชาวบ้านครึ่งนึงในเมืองต้องหนีเข้าไปในป่าหรือหมู่บ้านใกล้เคียง พวกเขาถูกตัดขาดจากแหล่งน้ำทำให้อาหาร น้ำดื่ม และความช่วยเหลือทางการแพทย์มีน้อยนิด
โลกโซเชียลมีการเผยแพร่ภาพที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน แสดงให้เห็นกลุ่มคนหลบอาศัยอยู่ใต้โขดหินอย่างเบียดเสียด บางคนมีผ้าพันแผลตามแขนและขา มีการให้น้ำเกลือโดยถุงน้ำเกลือห้อยไว้กับเสาไม้ไผ่
ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าพลเรือนเสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้กี่คน แต่ทางองค์การสิทธิมนุษยชนชิน หรือ CHRO ระบุ มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 50 คน และกำลังรักษาตัวอยู่ในป่า บางคนบาดเจ็บสาหัส
พี่เขยของสาลัย เบน เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
“เขากำลังจะตาย เขาบาดเจ็บสาหัสทั่วร่างกายและใบหน้า เขาพูดหรือกินอะไรไม่ได้เลยแม้กระทั่งน้ำ เราต้องใช้หลอดหยอดน้ำใส่ผ่านปากของเขา” เบน กล่าว
ปราบปรามผู้ต่อต้านทั่วประเทศ
เหตุการณ์ที่คล้ายกันกับเมืองมินดัต เกิดขึ้นตามรัฐต่าง ๆ ทั่วเมียนมา ยกตัวอย่าง เขตซะไกง์ที่อยู่ใกล้รัฐฉาน ทางตะวันออก และรัฐกะยา มีการสู้รบที่ดุเดือดเกิดขึ้นเกือบทุกวัน
รัฐกะยา ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศไทย กองทัพได้ปราบปรามกลุ่มต่อต้านอย่างรุนแรง สำนักข่าว Myanmar Now รายงานว่า กองทัพใช้เฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธและปืนใหญ่ยิงถล่ม มีพลเรือนเสียชีวิตกว่า 10 คน ประชาชน 5 หมื่นคนต้องหนีตาย
พัฒนาการที่น่าวิตกนี้ ทำให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองที่รุนแรงขึ้น แม้ยังไม่ชัดเจนว่ากลุ่มผู้ต่อต้านสามารถต่อสู้กับกองทัพที่แข็งแกร่ง แต่หลายคนเช่นสมาชิกในกลุ่ม CDF กล่าวว่า การต่อสู้ของพวกเขายังไม่จบลงแค่นี้แน่นอน