ศูนย์ควบคุมการบินเชียงใหม่ แจงไทนไลน์จนท.ไประยอง เผยเสี่ยงติดเชื้อต่ำ ยันรอผลตรวจ
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม นายพงษ์ชัย มูลรินทร์ ผู้อานวยการศูนย์ควบคุมการบินเชียงใหม่ ชี้แจงกรณที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าว กรณีพนักงานบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จากัด (บวท.) ได้เดินทางไปพักผ่อนกับครอบครัว ณ โรงแรมดีวารี จ.ระยอง ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับคณะทหารจากประเทศอียิปต์ และพบว่ามีผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 นั้น จึงขอเรียนชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวข้องตาม Time Line ดังนี้
วันที่ 8 กรกฎาคม พนักงานของศูนย์ควบคุมการบินเชียงใหม่ ได้เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวไปพักผ่อนกับครอบครัว ณ จังหวัดระยอง และได้เข้าพัก ณ โรงแรมดีวารี (ระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม) โดยระหว่างการเข้าพัก ได้ปฏิบัติตามมาตรการการควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 มีการป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด และสวมหน้ากากอนามัยอยู่เสมอ
วันที่ 11 กรกฎาคม พนักงานและครอบครัวเดินทางกลับจากจ.ระยองมายังจ.เชียงใหม่โดยรถยนต์ส่วนตัววันที่ 12 กรกฎาคม พนักงานและครอบครัวพักผ่อนอยู่ที่บ้านพัก โดยไม่มีการเดินทางไปสถานที่อื่นๆ แต่อย่างใดวันที่ 13 กรกฎาคม พนักงานมาปฏิบัติงาน ณ ศูนย์ควบคุมการบินเชียงใหม่ ตามปกติ เมื่อรับทราบข่าวการติดเชื้อของทหารจากประเทศอียิปต์จากสื่อ ทำให้ทราบว่าตนเองนั้นเข้าพักโรงแรมเดียวกันในช่วงเวลาเดียวกัน แต่พักคนละชั้นกับคณะนายทหารดังกล่าว (โดยพนักงานพักชั้นที่ 5) จากนั้นจึงได้รายงานผู้บังคับบัญชา ตามมาตรการป้องกันและ แก้ปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของ บวท. และได้รับสั่งการให้หยุดปฏิบัติงานทันที
วันที่ 14 กรกฎาคม บวท. ได้ติดต่อไปยัง น.พ.กิตติพันธ์ ฉลอม ผู้ช่วยสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ด้านโรคระบาด ได้รับคำแนะนำว่า การนับระยะการ Quarantine นั้น ให้นับหลังจากวันกลับมา ซึ่งพนักงานเดินทางกลับมาถึงจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 11 กรกฎาคม จึงนับวันที่ 12 กรกฎาคม เป็นวันที่ 1 ของการเริ่มกักตัว ในระยะเวลา 14 วัน
สาหรับระยะเวลาที่เหมาะสมในการตรวจหาเชื้อโควิด19 ตามคำแนะนำของสาธารณสุข คือในระยะเวลา 5 วัน หลังจากได้รับเชื้อ และทางสาธารณสุขจังหวัดได้ประสานให้สาธารณสุขในพื้นที่เขตความรับผิดชอบ ติดต่อไปยังพนักงาน โดยสาธารณสุขได้แนะนำให้พนักงานและครอบครัวกักตัวที่บ้านเป็น Home Quarantine และ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะไปตรวจเยี่ยมติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ นพ.กิตติพันธ์ฯ แจ้งว่า กลุ่มพนักงานที่เข้าเวรวันเดียวกันกับพนักงานคนนี้นั้น ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำ ยังไม่ต้องรับการตรวจ
สำหรับการดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของ บวท. ศูนย์ควบคุมการบินเชียงใหม่ ได้ดาเนินการ ดังนี้ 1. ทำการฉีดพ่นฆ่าเชื้อในสานักงานทั้งหมดทุกห้อง และติดตั้งเสปรย์พ่นอัติโนมัติเพื่อฆ่าเชื้อโรคแบบเดียวกับที่ใช้งานในโรงพยาบาลโดยติดตั้งใช้งาน ณ ห้องปฏิบัติการที่พนักงานนั่งทางานตลอด 24 ชั่วโมง 2.ให้พนักงานที่ปฏิบัติงานในเวลาปกติ (Day Work) กลับบ้านและปฏิบัติงานแบบ Work Form Home (WFH) จนกว่าจะได้รับผลการตรวจหาเชื้อจากโรงพยาบาลของพนักงานที่กลับจากจังหวัดระยอง 3. จัดเตรียมอุปกรณ์ น้ำยาฆ่าเชื้อ เจลแอลกอฮอล์ สาหรับ พนักงานใช้งานทุกจุด โดยใช้ผลิตภันฑ์ที่เป็นมาตรฐานเดียวกับท่ีใช้ในโรงพยาบาล 4. ประสานงานกับโรงพยาบาลเชียงใหม่ใกล้หมอ เพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลพนักงานกรณีมี ความจำเป็นใดๆ 5.ให้พนักงานที่เข้าเวรวันเดียวกันกับพนักงานที่กลับจากจังหวัดระยอง หยุดปฏิบัติงานและ Home Quarantine เป็นเวลา 14 วัน เพื่อเป็นการป้องกันในเบื้องต้น
วันที่ 15 กรกฎาคม 2563 ดำเนินการ 1.ฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรค ณ ห้องปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง เวลา 06.30 น. ก่อนมีการผลัดเปลี่ยนเวร 2. พนักงานและครอบครัวเดินทางไปตรวจหาเชื้อโควิด19 ที่โรงพยาบาลเชียงใหม่ใกล้หมอซึ่งมีแล็ปที่ขึ้นทะเบียนกับรัฐบาล ในเวลา 10.00 น. โดยเป็นการตรวจแบบ Drive Trough ซึ่งจะทราบผลภายใน 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ บวท.ยืนยันว่าจะดำเนินการโดยถือปฏิบัติตามระเบียบการป้องกันและควบคุมโรคของสาธารณสุข ตลอดจนติดตามประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรคโควิด 19 ในขณะเดียวกัน บวท. มีความพร้อมให้บริการการเดินอากาศตามาตรฐาน ICAO อย่างมีประสิทธิภาพเพืี่อความปลอดภัยของทุกเที่ยวบิน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่และครอบครัวยืนยันไม่ได้เดินทางไปห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พลาซ่า เชียงใหม่ แอร์พอร์ต และร้านกาแฟสตรา์บัคค์ ตามที่มีกระแสข่าวลือแต่อย่างใด