SET ฟื้นตัว Q4/68 ล็อกเป้าดัชนี 1,385 "กรุงไทย" มองเสถียรภาพการเงินไทยแกร่ง

นายณัฐวุฒิ จันทนะจุลพงศ์ นักกลยุทธ์ลงทุนอาวุโส บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง (KTX) ระบุว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยจะเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีนับตั้งแต่ไตรมาส 4/68 เนื่องจากเข้าสู่ภาวะสิ้นสุดยุคผลตอบแทนสูงของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ KTX ประเมิน SET Index เป้าหมายระยะ 12 เดือนข้างหน้าที่ 1,385 จุด แรงหนุนจากโอกาสที่นักลงทุนทั่วโลกจะปรับลดการถือครองสินทรัพย์สหรัฐฯ เป็นผลจากแนวโน้มการอ่อนค่าทั้งอัตราผลตอบแทนที่แท้จริง และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อันเนื่องมาจากการที่สหรัฐฯ บริหารจัดการภาระหนี้สาธารณะ โดยใช้กลไกขับเคลื่อนเงินเฟ้อ ตลอดจนความพยายามในการผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย การใช้กำแพงภาษี ผลักดันต้นทุนนำเข้าให้เพิ่มสูงขึ้น ไปจนถึงการอัดฉีดสภาพคล่องจำนวนมหาศาล
สะท้อนผ่านการทำจุดสูงสุดใหม่ของปริมาณเงินในระบบ ความพยายามดังกล่าว จะผลักดันเงินสหรัฐฯ ให้ขยับสูงขึ้น เพื่อช่วยหนุน GDP ในรูปตัวเงินให้เร่งตัวขึ้น จากฐานภาษีรายได้ของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้นตามเงินเฟ้อ ซึ่งท้ายที่สุดจะไปช่วยชะลอการเร่งตัวของอัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP จากระดับ 120% ของ GDP ในปัจจุบัน โดยสหรัฐฯ ไม่จำเป็นต้องลดภาระหนี้
จากปัจจัยข้างต้น ผลตอบแทนการลงทุนในสหรัฐฯ อาจไม่ได้น่าสนใจมากเหมือนที่ผ่านมา เราเชื่อว่าสินทรัพย์สกุลเงินบาท มีโอกาสได้อานิสงส์เชิงบวกจากการลดการถือครองสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์ เนื่องจากมีจุดแข็งด้านเสถียรภาพต่างประเทศ ทั้ง ทุนสำรองสูง หนี้ต่างประเทศต่ำ อีกทั้งเงินเฟ้อในประเทศก็อยู่ในระดับต่ำ และภาคการส่งออกดีเกินคาด ผนวกกับทิศทางการผ่อนคลาย ทั้งนโยบายการเงินและการคลัง จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินไทย ภาพดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองทางเทคนิค ซึ่งบ่งชี้ถึงโอกาสที่ SET กำลังสร้างฐานสำหรับการไต่ตัวขึ้นสู่เป้าหมาย 1,350-1,370 จุด ตาม Price Pattern ของกราฟรายสัปดาห์ และรายเดือน
สำหรับหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับการบริโภคในประเทศ (Domestic Play) มีความน่าสนใจลงทุน แนะนำ CPAXT, THANI, ADVANC, BCP, SYNEX, TFG
นอกจากนี้ ทองคำ เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่ไม่ยึดติดกับดอลลาร์ (De-dollarization) เห็นได้จากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกหันมาเพิ่มสัดส่วนการถือครอง เพื่อกระจายความเสี่ยง ทดแทนการถือครองสินทรัพย์สหรัฐฯ ทั้งยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากภาวะดอกเบี้ยขาลง โดย KTX ประเมินราคาเป้าหมายทองคำไว้ที่ระดับ 4,127 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ นอกจากนี้ หุ้นเหมืองคำเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการลงทุน ด้วยได้ประโยชน์จากความต้องการทองคำที่แข็งแกร่ง ขณะที่ต้นทุนเหมืองยังทรงตัว ส่งผลให้ส่วนต่างกำไรของผู้ผลิตทองอยู่ในระดับที่สูงขึ้น
สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ยังคงมีความน่าสนใจ แม้ช่วงที่ผ่านมาจะทำระดับสูงสุดใหม่รายวัน เนื่องจากเฟดเริ่มเข้าสู่วงจรการดำเนินนโยบายผ่อนคลาย การปรับลดดอกเบี้ยในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย มักเป็นสัญญาณบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งตามสถิติแล้วหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมักโดดเด่นกว่าดัชนี S&P500 โดยเฉพาะเมื่อธีมที่เกี่ยวเนื่องกับ AI เริ่มแสดงผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจจริง และกลายเป็นแรงขับเคลื่อน GDP หลักของสหรัฐฯ ทำให้การเติบโตของตลาดหุ้นสหรัฐฯ รอบนี้ ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยการเก็งกำไรแบบฟองสบู่เหมือนในอดีต แต่มีพื้นฐานรองรับผ่านการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน เราคาดหมายว่า Amazon, Apple, ASML, CrowdStrike, Shopify จะปรับตัวขึ้นได้โดดเด่น
ปิดท้ายที่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุกของรัฐบาลจีน ทั้งการอุดหนุนดอกเบี้ยเงินกู้ โครงการ trade-in เพื่อกระตุ้นการบริโภค รวมถึงการเร่งพัฒนาอุตสาหกรรม semiconductor ภายในประเทศ และสนับสนุนบริษัทเทคโนโลยีให้แข่งขันได้ในตลาดโลก จะช่วยสร้าง sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจีนอย่าง Tencent, Kuaishou และ CATL
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
