ALLAแตกไลน์แพ็กเกจจิ้ง วางเป้าปี66รายได้โต10%

#ALLA #ทันหุ้น - ALLA เร่งดีลพันธมิตรต่างแดนผนึกกำลังแตกไลน์ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตบรรจุภัณฑ์จากกระดาษรีไซเคิล ไม่เกินสิ้นปี 2566 ได้ข้อสรุป ขณะที่ธุรกิจโซลาร์รูฟเนื้อหอม ฐานลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมรุมจีบหลายสิบราย ลุ้นคว้างานใหม่เติมพอร์ต ด้านธุรกิจเครนและรอกไฟฟ้าฉายแววเด่น อวดแบ็กล็อกแน่นกว่า 600 ล้านบาท เล็งผลงานไตรมาส1/2566 สดใส
นายองอาจ ปัณฑุยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล่า จำกัด (มหาชน) หรือ ALLA เปิดเผยว่า บริษัทมีความสนใจที่จะแตกไลน์ไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตบรรจุภัณฑ์จากกระดาษรีไซเคิลทั้งที่สำหรับอาหาร (Food) และนอกเหนืออาหาร (Non-Food) โดยมองเห็นว่าเทรนด์การลดภาวะโลกร้อน การรีไซเคิลกำลังมาแรง และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกับทางพันธมิตรต่างชาติ คาดว่าอาจจะต้องใช้เวลาในการศึกษาระยะหนึ่ง แต่คาดว่าภายในปีนี้จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
แบ็กล็อกหนา 700 ล.
ขณะที่ธุรกิจเครนและรอกไฟฟ้า (Crane and Hoist) รวมถึงงานที่เกี่ยวเนื่องกับงานคลังสินค้า (Warehouse) ที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัทยังคงมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีการเปิดประเทศจะเห็นได้ว่าเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมาก ภาคเอกชนกลับมาเดินหน้าลงทุนโครงการต่างๆ มากขึ้น ทำให้มองเห็นถึงโอกาสที่จะได้รับโครงการต่างๆ เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ในปีนี้จะยังคงเดินหน้าในการรักษาฐานลูกค้าเดิมที่มีได้อย่างแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันก็จะเดินหน้าขยายฐานลูกค้ารายใหม่ร่วมด้วย
ประกอบกับในช่วงต้นปี 2566ที่ผ่านมาบริษัทได้รับงานจากลูกค้าผู้ประกอบการศูนย์การค้ารายใหญ่ จำนวน 1 โครงการ ซึ่งเป็นงานที่มีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท เข้ามาเพิ่มเติม ส่งผลให้ขณะนี้บริษัทมีงานในมือที่รอการส่งมอบ (Backlog) แล้วมากกว่า 600-700 ล้านบาท ที่คาดว่าจะส่งมอบและรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ทั้งหมดภายในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีงานจากโครงการจากผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กอีกจำนวนมาก เบื้องต้นคาดว่าจะทยอยได้ข้อสรุปต่อเนื่อง โดยมูลค่าโครงการตั้งแต่ 1 ล้านบาท ไปจนถึงไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท
ในส่วนของธุรกิจติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ก็มีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบกับปีก่อนเช่นเดียวกัน จากการที่ภาคเอกชนให้ความสนใจและปรับตัวในการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน หรือ ESG ให้มากขึ้น อีกทั้งยังได้รับอานิสงส์จากนโยบาลลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง รวมถึงเพื่อลดต้นทุนด้านค่าไฟฟ้าของโรงงานให้มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้กลุ่มลูกค้าตัดสินใจลงทุนติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาเป็นจำนวนมาก
ชู EPC ดาวเด่น
ส่งผลทำให้มีลูกค้าผู้ประกอบการธุรกิจที่มีโรงงานผลิตหลายรายให้การติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มฐานลูกค้าเดิมที่เคยใช้บริการ Crane and Hoist ของบริษัท โดยในปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าที่อยู่ระหว่างการเจรจา รวมถึงเข้าร่วมประมูลงานอีกหลายสิบโครงการเบื้องต้นคาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในไตรมาส 1/2566 ไม่น้อยกว่า 2-3 ราย ขณะนี้บริษัทยังมี Backlog ในส่วน EPC อยู่ที่ประมาณ 30-40 ล้านบาท และคาดว่าจากนี้จะมีงานใหม่เข้ามาเติมอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ภายใต้แนวคิด ESG บริษัทได้มีการแตกไลน์การลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับสถานีชาร์จไฟฟ้าในยานยนต์ ซึ่งในตอนนี้บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับผลิตภัณฑ์ทั้งสัญชาติยุโรปและจีนทำให้มีผลิตภัณฑ์นำเสนอลูกค้าได้อย่างหลากหลาย โดยมีแนวทางในการรับงาน 2 ทางหลัก ได้แก่ 1. การเป็นผู้รับเหมาช่วง (Subcontract) ติดตั้งสถานีชาร์จให้กับลูกค้ารายใหญ่ ทั้งให้บริการในด้านพัฒนาระบบ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และ 2. ให้บริการติดตั้งกับผู้ใช้งานโดยตรง (End User) เบื้องต้นคาดว่าภายในไตรมาส 1/2566 จะได้เห็นการรับงานเข้ามาอย่างชัดเจน
สำหรับแนวโน้มธุรกิจและผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2566มองว่ายังมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน จากการกลับมาเดินหน้าลงทุนโครงการใหม่และโครงการต่อเนื่องของภาคเอกชน ทำให้บริษัทมีโอกาสรับงานใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มมากขึ้น และจากปัจจัยข้างต้นที่กล่าวมาจะช่วยผลักดันให้แผนการดำเนินงานปี 2566ที่บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อน จะเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้