คลายล็อกบูม 1.5แสนล้าน/เดือน ข้าวสาร-เชียงใหม่-ภูเก็ต ชงขยับเคอร์ฟิว 'ส.แอลกอฮอล์' ลุ้นขายต.ค.
เมื่อวันที่ 3 กันยายน นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ทำการผ่อนคลาย อนุญาติให้ธุรกิจและกิจการบางส่วนกลับมาเปิดได้อีกครั้งนั้น น่าจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้คนจะดีขึ้น ทำการคลายล็อกดาวน์ นั่งร้านอาหารได้ เดินห้างสรรพสินค้าได้ สามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้
ประกอบกับว่า ยอดผู้ติดเชื่อรายวัน จำนวนคนเสียชีวิต เริ่มลดลง แม้ว่ายังจะสูงอยู่ และมีความคืบหน้าของการกระจายวัคซีน สถานการร์เริ่งเตียงรักษาโควิดคลี่คลาย คนก็จะเริ่มกลับมามั่นใจ และทำกิจกกรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ในช่วงแรกนี้ เม็ดเงินจะกลับมาที่ 3-5 พันล้านบาทต่อวัน หรือ 1-1.5 แสนล้านบาทต่อเดือน
ขณะที่ นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ประกอบการถนนข้าวสาร กลุ่มผู้ค้าในจังหวัดเชียงใหม่ และภูเก็ต อยากให้ศบค. และรัฐบาล พิจารณาผ่อนปรนให้ร้านอาหารทั่วไป สามารถจำหน่ายและนั่งดื่มอาหารพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ได้ เพราะส่วนใหญ่สัดส่วนรายได้ของร้านอาหารประมาณ 30% มาจากจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ที่ส่วนนี้รายได้ของร้านอาหารจะหายไปเลย
แม้ศบค.คลายล็อกให้ร้านอาหารเปิดบริการให้ลูกค้านั่งทานในร้านได้สัดส่วน 50 % สำหรับห้องแอร์ และ 75% สำหรับร้านเปิดโล่ง ก็เท่ากับรายได้ 70-80% ยังหายไปจากปกติ โดยผู้ประกอบการมองว่าการขายอาหารพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์น่าจะทำได้ และถูกควบคุมเวลาโดยปริยายจากการยังคงมาตรการเคอร์ฟิว ซึ่งทุกร้านก็ต้องปิดไม่เกิน 20.00 น. อยู่แล้ว เชื่อว่าหลายสมาคมภาคบริการเตรียมหารือเพื่อเสนอรัฐต่อไปขายอาหารพร้อมนั่งดื่มแอลกอฮอลล์ภายใต้มาตรการรัฐ ไม่ได้เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดกว่าปกติ เพราะมีเวลาเคอร์ฟิวคุม
ส่วนนายธนากร คุปตจิตต์ เลขาธิการสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย เปิดเผยว่า เห็นด้วยที่จะทยอยเปิดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ในร้านอาหารทั่้วไป ในอีก 14 วันข้างหน้า หากประเมินผลของการเปิดให้บริการอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมาแล้ว มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ไม่กลับมามียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งรวดเร็วอย่างการเปิดครั้งก่อนๆ สะท้อนว่ามาตกรารควบคุมดูแล ธุรกิจและประชาชนปรับตัวได้แล้ว จากนั้นก็ทยอยเปิดสถานบันเทิงและกิจกรรมที่สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ได้มากขึ้น ซึ่งรวมถึงการทบทวนลดเวลาเคอร์ฟิว ไปเริ่ม 24.00 น.
” ส่วนตัวเห็นว่าคลายล็อกมากที่สุดในเดือนตุลาคมน่าจะเหมาะสม เพราะเราต้องดูผลจากการคลายล็อกเมื่อวันที่ 1 กันยายนก่อน แล้วค่อยทยอยเปิดมากขึ้นจากนั้นอีกทุก 14 วัน ภายในเดือนกันยายนหากทุกอย่างไม่ได้รุนแรงขึ้น เป็นการนำร่องก่อนเปิดประเทศ เดือนตุลาคมก็ถือว่าเหมาะสมกิจกรรมได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น ซึ่งตรงกับเข้าเทศกาลรับปลายปีและเป็นช่วงการค้าการท่องเที่ยวและใช้จ่ายอีกครั้ง” นายธนากร กล่าว