รีเซต

เกาหลีเหนือขู่เข้าสู่เส้นแดง หลัง ‘สหรัฐฯ-เกาหลีใต้’ ซ้อมรบร่วมทางอากาศ

เกาหลีเหนือขู่เข้าสู่เส้นแดง หลัง ‘สหรัฐฯ-เกาหลีใต้’ ซ้อมรบร่วมทางอากาศ
TNN ช่อง16
2 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:20 )
55

---เกาลีใต้-สหรัฐฯ ซ้อมรบร่วมทางอากาศ---


เกาหลีเหนือมองว่า การกระทำของสหรัฐฯ เป็นปรปักษ์และเป็นภัยคุกคามคาบสมุทรเกาหลี และผลักดันให้สถานการณ์เข้าสู่เส้นแดงขั้นสุด หลังจากสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ร่วมซ้อมรบทางอากาศเมื่อวานนี้ (1 กุมภาพันธ์) ระบุว่า เพื่อแสดงศักยภาพของสหรัฐฯ ในการป้องกันภัยคุกคามจากนิวเคลียร์


ขณะที่กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ เปิดภาพการซ้อมรบร่วมทางอากาศกับสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (1 กุมภาพันธ์) เป็นภาพฝูงบินรบของกองทัพสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ที่มีทั้งเครื่องบินทิ้งระเบิดชนิดหนัก B-1B ของสหรัฐฯ, เครื่องบินขับไล่ไอพ่นล่องหน Stealth F-22 ของสหรัฐฯ รวมถึงเครื่องบินขับไล่ไอพ่นแบบ F-35B และ F-35A ของทั้งกองทัพสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ขณะบินอยู่บนท้องฟ้า แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นบริเวณใด


กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ระบุว่า การซ้อมรบร่วมทางอากาศครั้งนี้ เพื่อแสดงเจตจำนงและศักยภาพของสหรัฐฯ ในการขยายการป้องปรามที่แข็งแกร่งและเชื่อมั่นได้มากยิ่งขึ้น เพื่อป้องปรามภัยคุกคามนิวเคลียร์และขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ


---ส่องท่าทีเกาหลีเหนือ---


ด้านเกาหลีเหนือมีปฏิกิริยาทันที KCNA สื่อของรัฐบาลเกาหลีเหนือ รายงานข่าวว่า กระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือออกแถลงการณ์ในวันนี้ (2 กุมภาพันธ์) ว่า การซ้อมรบร่วมของสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ ได้ผลักดันสถานการณ์ให้เข้าสู่ “เส้นแดงขั้นสุด” และคุกคามคาบสมุทรเกาหลี ผลักให้คาบสมุทรแห่งนี้ กลายสภาพเป็น “คลังแสงเพื่อสงครามขนาดใหญ่และเขตสงครามระดับวิกฤติหนักขึ้น”


โฆษกกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือ อ่านรายละเอียดแถลงการณ์ดังกล่าวว่า สถานการณ์ทางทหารและการเมืองบนคาบสมุทรเกาหลีและภูมิภาคนี้ ได้ไปถึงเส้นแดงขั้นสุดแล้ว เนื่องจากการซ้อมรบแบบเผชิญหน้าทางทหารที่ไร้ความยั้งคิด และพฤติกรรมเป็นปรปักษ์ของสหรัฐฯ และกองกำลังสหรัฐฯ 


ในแถลงการณ์ ยังกล่าวถึงการเยือนเกาหลีใต้ในสัปดาห์นี้ของพลเอกลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ และที่ออสตินและรัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ ได้กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (31 มกราคม) ประกาศจะเพิ่มการซ้อมรบ และนำ “ทรัพย์สินทางยุทธศาสตร์” ออกมาใช้มากขึ้น เช่น เรือบรรทุกเครื่องบินและเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกล เพื่อตอบโต้การพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนือ และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงคราม


แถลงการณ์ของเกาหลีเหนือ ระบุด้วยว่า เกาหลีเหนือไม่สนใจการนั่งโต๊ะเจรจา ตราบใดที่สหรัฐฯ ยังคงใช้นโยบายที่เป็นปรปักษ์ต่อเกาหลีเหนือ


ทั้งนี้ สหรัฐฯ มีทหารกว่า 28,500 นายประจำการอยู่ในเกาหลีใต้ ตั้งแต่หลังสงครามเกาหลีปี 1950-1953 เป็นต้นมา สงครามเกาหลีจบลงด้วยข้อตกลงหยุดยิง ไม่ใช่สนธิสัญญาสันติภาพ


---คาบสมุทรเกาหลียังร้อนระอุ---


เมื่อปีที่แล้ว เกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธทิ้งตัวมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และยังกลับมาเปิดสถานที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ที่เคยปิดไปแล้ว ใหม่อีกครั้ง จนหวั่นกลัวว่า เกาหลีเหนือจะทดสอบนิวเคลียร์ หลังจากว่างเว้นไปตั้งแต่ปี 2017


ก่อนหน้านี้ กองบัญชาการสหประชาชาติ หรือ United Nation Command ได้ออกแถลงการณ์ว่า ทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ต่างละเมิดข้อตกลงสงบศึกที่บริเวณพรมแดนระหว่างกัน ด้วยการส่งโดรนรุกล้ำน่านฟ้าของอีกฝ่ายเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว 


แต่กรณีที่เกาหลีใต้ได้ยิงโดรนเกาหลีเหนือในน่านฟ้าของตน ตกลงนั้น ไม่ถือว่าขัดต่อข้อตกลงสงบศึก แต่อย่างใด


พร้อมกับยืนยันว่า การปฏิบัติตามและยึดมั่นในเงื่อนไขสงบศึกนั้น เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อระงับความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุบานปลาย ทั้งจากความตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ และเพื่อรักษาความสงบบนคาบสมุทรเกาหลี

—————

แปล-เรียบเรียง: เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์ และ สุภาพร เอ็ลเดรจ 

ภาพ: Reuters


ข้อมูลอ้างอิง:

12


ข่าวที่เกี่ยวข้อง