ส่องความเห็น ฟังเสียงจากจังหวัดท่องเที่ยว หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19
หมายเหตุ – ความเห็นของบรรดาหอการค้าจังหวัดและสมาคมด้านการท่องเที่ยวถึงผลกระทบหลังมีการแพร่ระบาดพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่งติดแนวชายแดนเมียนมา
กิตติ ทิศสกุล
เจ้าของร้านสบันงาขันโตกและเป็นที่ปรึกษาสมาคมสมาพันธ์การท่องเที่ยวภาคเหนือ
กระแสการติดเชื้อโควิด-19 ที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อธุรกิจบริหารทุกด้าน มีการยกเลิกห้องพัก ทัวร์และร้านอาหาร แต่ยังเป็นจำนวนที่ยังไม่มากนัก เนื่องจากยังเป็นระยะเริ่มต้น ซึ่งทางผู้ประกอบการก็มีการปรับตัวในเรื่องนี้ โดยเฉพาะด้านบริการที่พนักงานจะต้องมีการสวมเครื่องป้องกัน มีการตรวจวัดอุณหภูมิคัดกรองกลุ่มผู้ใช้บริการ เว้นระยะห่างในการจัดโต๊ะอาหาร ทำความสะอาดพื้นที่ให้ปลอดเชื้ออยู่เสมอ แม้คนที่พบเชื้อจะไม่ได้อยู่ในพื้นที่เชียงรายแต่แรก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะมีผลกระทบเพราะยังเป็นคนในพื้นที่ แต่ทางผู้ประกอบการยังมั่นใจในมาตรการของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเชียงรายที่จะคุมสถานการณ์อยู่ และเชื่อว่าสถานการณ์นี้จะเป็นเพียงระยะสั้น เพราะนอกจากคนที่ลักลอบมามีการตรวจพบเชื้อยังไม่มีตรวจพบคนในพื้นที่ติดเชื้อเพิ่มเติม หากพ้นระยะเวลา 14 วันทุกอย่างก็ไม่มีอะไรน่าห่วง ถึงตอนนี้ยังยืนยันว่าเชียงรายปลอดภัย คนเชียงรายยังใช้ชีวิตตามปกติ นักท่องเที่ยวสามารถมาท่องเที่ยวได้ เพียงแค่มีการป้องกันตัวซึ่งไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือจังหวัดใดระยะนี้ก็ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่ออยู่แล้ว
กรณีที่มีนักท่องเที่ยวนอกพื้นที่จำนวนมากและมีการปล่อยข่าวว่าหากมาเที่ยวเชียงรายแล้วจะต้องมีการกักตัว ซึ่งจริงๆ มาตรการนี้ยังไม่ได้มีการประกาศจากทางจังหวัดหรือกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งประชาชนยังสามารถเดินทางเข้าออกพื้นที่จังหวัดเชียงรายโดยไม่ต้องกักตัวแต่อย่างใด และในช่วงปลายปีจะมี 3 งานใหญ่คืองานเทศกาลดอกไม้บานนครเชียงราย งานเทศกาลไม้ดอกอาเซียน และเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้องรับปีใหม่ หากสถานการณ์คลี่คลายภาครัฐมาสนับสนุนจัดงานเหล่านี้ให้ยิ่งใหญ่เชื่อว่าการท่องเที่ยวจะกลับคืนมา งานด้านการบริการก็จะดีตามมาด้วย
ขอให้ช่วงนี้ผู้ประกอบปรับตัวตามสถานการณ์เพื่อรองรับการท่องเที่ยวในอนาคต
วัลลภ แซ่จิว
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่
ต้องมาดูที่ข้อเท็จจริง ดูที่ตัวเลขกัน จากเดิมนักท่องเที่ยวที่ผ่านเข้าสนามบินเฉพาะขาเข้าเฉลี่ย 11,000 คนต่อวัน จากช่วงวันหยุดติดต่อกัน 4 วันที่ผ่านมา จนกระทั่งเราพบหญิงสาวติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นการนำเข้ามาจากต่างประเทศ ยืนยันไม่ใช่การแพร่ระบาดในจังหวัดเชียงใหม่ และคนติดเชื้อภายในพื้นที่เสี่ยงที่มีวงจำกัดเพียง 5 จุด ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถจัดการพื้นที่ได้อย่างเรียบร้อย
แต่ต้องยอมรับว่า หลังพบผู้ติดเชื้อทำให้ที่ผ่านมาจำนวนตัวเลขขาเข้าสนามบินลดลงเหลือ 7,000-8,000 คนต่อวันติดกันสามวัน แต่ ณ วันนี้ตัวเลขผู้โดยสารกลับเพิ่มขึ้นเป็น 9,000 คนต่อวันแล้ว ซึ่งเป็นผลจากการบูรณาการของทุกฝ่ายบริเวณแนวชายแดนพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย และมีมาตรการดำเนินการกับบุคคลที่จะกลับเข้ามาอย่างมีระบบ ถือว่าเป็นสถานการณ์และโอกาสที่ดีขึ้น เนื่องจากไม่ต้องหลบซ่อนเข้าทางเส้นทางธรรมชาติอีกต่อไป
“ต่อจากนี้เราจะดูความเชื่อมั่น 2-3 เรื่อง คือ การรอผลตรวจเชื้อจากกลุ่มเสี่ยงติดต่อ 2 ครั้งกันมีผลเป็นลบกว่า 600 คนแล้ว ในขณะที่กลุ่มเสี่ยงสูง 88 คนก็มีผลเป็นลบเช่นกัน ถือเป็นข้อดีที่เรายังไม่พบ และไม่มีการแพร่ระบาด วันที่ 9 ธันวาคมจะเป็นวันสุดท้าย ที่จะรอฟังผลของคนที่มีความเสี่ยง หากไม่พบก็เท่ากับประกาศว่า เชียงใหม่ปลอดภัย”
สถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วงปลายปียาวไปถึงปีใหม่ ต้องบอกว่าจริงๆ แล้วเรามีการจองที่พักเข้ามาค่อนข้างแน่น เพราะอากาศที่ดีมาก ดอกไม้สวย ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อโชคร้ายมีข่าวผู้ติดเชื้อเราก็ต้องมาคุยถึงข้อเท็จจริงว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มา มีทั้งขับรถมาเอง บินมา และเช่ารถขับ ใช้รถตู้ ถือว่าความเสี่ยงไม่มีเลย เพราะทั้งหมดอยู่กันกับเพื่อน พี่น้องครอบครัว ไปท่องเที่ยวตามวัดวา แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ยอดดอย ซึ่งไม่ได้มีข้อมูลว่าผู้ติดเชื้อขึ้นไปตามสถานที่ต่างๆ เหล่านี้เลย จึงไม่มีความเสี่ยง รวมไปถึงโรงแรมที่พักที่มีคุณภาพในเมืองก็ไม่ได้ไป เราจึงหวังว่าหลังจากสัปดาห์นี้ที่มีวันหยุด 4-6 ธันวาคม ยาวไปถึงวันที่ 13 ธันวาคมก็จะรอดูสถานการณ์ แต่เชื่อมั่นว่าจะมีนักท่องเที่ยวกลับมาจำนวนมาก
ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวทุกคนปฏิบัติตามาตรการใส่หน้ากาก ล้างมือ มีระยะห่างอย่างเคร่งครัดทุกคนก็จะปลอดภัย เพราะเชียงใหม่ปลอดภัย
อนุรัตน์ อินทร
ประธานหอการค้า จ.เชียงราย
ภาคเอกชนแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและประชาชน เพื่อให้มีพลังในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยจัดหารือเพื่อให้ทำความสะอาดเมืองครั้งใหญ่หรือบิ๊กคลีนนิ่งใน จ.เชียงราย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวก่อนงานเทศกาลฤดูหนาวต่างๆ จะมีขึ้น เช่น งานเชียงรายดอกไม้บาน งานไม้ดอกอาเซียน งานสีสันดอยตุง ฯลฯ พร้อมทั้งเรียกร้องข้อเสนอผ่านนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าฯเชียงราย ไปยังรัฐบาลคือขอให้ดำเนินโครงการจ่ายเงินให้ผู้สูงอายุ 5,000 บาท สนับสนุนการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ เพิ่มการสนับสนุนงานกิจกรรมต่างๆ ในฤดูหนาวในพื้นที่ให้มากขึ้น จัดสรรงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับ จ.เชียงราย และเยียวยาผู้ประกอบการทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยจากสถาบันการเงิน
นอกจากนี้จะเสนอให้ทางจังหวัดได้จัดแถลงข่าวเพื่อให้ข้อมูลที่แท้จริง ณ จุดเดียวประจำทุกวันเหมือนศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่ส่วนกลางเพื่อลดความร้อนแรงของเฟคนิวส์และผู้คนจะรอรับข้อมูลที่เป็นจริงดังกล่าวโดยไม่ต้องแสวงหาข้อมูลไปตามกระแสด้วย
วรสุดา สุขารมณ์
เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร
จังหวัดกาญจนบุรีอยู่ติดแนวชายแดนส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในระดับหนึ่ง แต่ก็เป็นผลกระทบทางจิตวิทยา ในเรื่องของความเชื่อมั่นจังหวัดที่ติดชายแดน ขณะที่ในช่วงนี้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว และฤดูท่องเที่ยว ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสทองของปี ซึ่งที่ผ่านมากำลังคึกคักขึ้นและกำลังจะเป็นช่วงที่กำลังจะลืมตาอ้าปากได้บ้างหลังขาดรายได้มานานร่วมปีจากการล็อกดาวน์โควิด-19 ในรอบแรก แต่ก็ต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้ที่อาจจะส่งผลกระทบอีกครั้ง เพราะผลพวงจากการลักลอบข้ามแดนของคนเพียงไม่กี่คนในครั้งนี้ ล่าสุดพบว่า ยอดนักท่องเที่ยวมีเปอร์เซ็นต์ลดลง แต่ก็ไม่ได้ลดลงมากนัก สังเกตได้จากการจองห้องพัก พบว่า โรงแรม รีสอร์ต และที่พักต่างๆ ในเขตเมือง และที่พักทางธรรมชาติ ซึ่งอยู่ในพื้นที่อำเภอทางตอนบนของจังหวัด อาทิ ไทรโยค ทองผาภูมิ สังขละบุรี และศรีสวัสดิ์ ยังมีการจองแน่นอยู่จนถึงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาจังหวัดกาญจนบุรี ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราและเฝ้าระวังบุคคลลักลอบข้ามแดนตลอดแนวชายแดน ซึ่งมีช่องทางเข้า-ออก ตลอดแนวชายแดนประมาณ 43 จุด โดยเฉพาะอำเภอที่มีพื้นที่ติดชายแดนก็ได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการลาดตระเวนและเฝ้าระวังโดยการบูรณาการร่วมกันทุกฝ่าย เพื่อป้องกันการหลบหนีเข้าเมืองอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในพื้นที่
ขณะเดียวกันทางผู้ประกอบการเองก็ยังคงมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด และดำเนินกิจการด้วยฐานวิถีชีวิตใหม่เพื่อการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย ซึ่งจนถึงปัจจุบัน จ.กาญจนบุรี ยังไม่ปรากฏผู้ติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด
เอกฉัตร สุนทรหัทยา
ผู้ประกอบการสวนไทรโยครีสอร์ต
ขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องของการจองห้องพักแต่อย่างใด โดยนักท่องเที่ยวประมาณ 3-5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่โทรศัพท์สอบถามเข้ามาถึงสถานการณ์ ซึ่งทางเราก็ได้ชี้แจงทำความเข้าใจในทุกๆ เรื่อง รวมถึงมาตรการต่างๆ ที่ทางผู้ประกอบการได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวดมาโดยตลอด เมื่อลูกค้าได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงแล้ว ก็สร้างความสบายใจและความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวมากขึ้น และยังคงยืนยันเดินทางมาท่องเที่ยวตามแผนที่วางไว้เหมือนเดิม สำหรับงานเคาต์ดาวน์ “Suansaiyok Countdown Concret 2021” ที่ทางรีสอร์ตจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เราก็ยังคงจัดงานตามที่วางไว้ทั้งหมด โดยปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด รวมทั้งการเว้นระยะห่างของผู้เข้าร่วมกิจกรรม
ต้องยอมรับว่า การที่จังหวัดกาญจนบุรีมีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้หลายฝ่ายกังวล แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งทหาร ตำรวจ สมาชิกอาสารักษาดินแดน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจตระเวนชายแดน ได้ดูแลคุมเข้มมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดเป็นอย่างดี
จึงขอให้นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นในความปลอดภัยที่จะเดินทางมาเที่ยวที่ จ.กาญจนบุรี