TTCLหมดห่วงตั้งสำรอง ลุยประมูลงาน4.5หมื่นล.
#TTCL #ทันหุ้น – TTCL ทิศทางสดใส เหตุไม่มีปัจจัยฉุดจากการตั้งสำรองหนี้ พร้อมมองธุรกิจก่อสร้างโตต่อเนื่อง เล็งประมูลงานใหม่ 4.5 หมื่นล้านบาท คาดหวังได้งานราว 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนปี 2565 ลุ้นรายได้ทะลุเป้า ตุนแบ็กล็อกพุ่ง 2.4 หมื่นล้านบาท ทยอยรับรู้ในช่วง 2 ปีครึ่ง ด้านโบรกเกอร์ประเมินกำไรปี 2566 จะดีสุดในรอบ 8 ปี แนะนำ “ซื้อ” เคาะเป้า 7.80 บาทต่อหุ้น
นายบุณยกฤต เสาวรรณ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) หรือ TTCL เปิดเผยว่า แนวโน้มผลดำเนินงานในปี 2566 จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากไม่มีปัจจัยกดดันจากการตั้งสำรองตามมาตรฐานบัญชี TFRS9 ซึ่งบริษัทได้มีการตั้งสำรองเป็นเวลา 3 ปี โดยตั้งสำรองปีละ 276 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2563-2565
ขณะที่ธุรกิจหลักด้านการก่อสร้าง ยังมีการเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าว่าในปี 2566 จะได้รับงานใหม่ประมาณ 15,000-20,000 ล้านบาท ซึ่งยังเน้นงานในประเทศเป็นหลัก จะเป็นงานก่อสร้างด้านปิโตรเคมี และพลังงาน ขณะเดียวกันบริษัทได้ยื่นประมูลงานแล้ว และมีงานที่เตรียมจะยื่นมูลค่า 45,000 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้าจะได้งานประมาณ 1 ใน 3 ของมูลค่างานประมูล
ส่วนผลดำเนินงานในปี 2565 คาดดีกว่าเป้าที่วางไว้ว่ามีรายได้อยู่ที่ราว 11,500-20,000 ล้านบาท ซึ่งใน 9 เดือนแรกปีนี้ทำได้แล้วประมาณ 8,400 ล้านบาท และคาดว่าไตรมาส 4/2565 จะทำได้ใกล้เคียงกับไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัทได้วางเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท
*แบ็กล็อก 2.4 หมื่นล.
โดยตั้งแต่ต้นปี 2565 บริษัทได้งานใหม่ทั้งหมด 11 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 23,000 ล้านบาท (รวมงานใหม่ล่าสุดคือ การก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมี ที่จังหวัดระยอง มูลค่าประมาณ 330 ล้านบาท แล้ว ซึ่งมูลค่างานใหม่ที่ได้ดังกล่าว เกินกว่าเป้าหมายที่บริษัทได้กำหนดไว้ที่ 15,000 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้ลูกค้ามีการเปิดประมูลงานใหม่เพิ่มขึ้น หลังจากที่ชะลอไปในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จากผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งงานที่ได้จะเป็นงานจากลูกค้าเก่าๆ ของบริษัทประมาณ 80% ของมูลค่างานจะเป็นงานในประเทศ ส่วนงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 24,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ 2 ปีครึ่ง
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้า Ahlone 2 ขนาด 388 เมกะวัตต์ ในประเทศเมียนมา ซึ่งได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หรือ PPA จากรัฐบาลเมียนมาแล้วนั้น ขณะนี้ยังรอสถาบันการเงินให้ความเห็นชอบในการปล่อยกู้ก่อน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในประเทศเมียนมาว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งปัจจัยดังกล่าวยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเริ่มดำเนินการเมื่อใด
*กำไรปี 66 ดีสุดรอบ 8 ปี
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” หุ้น TTCL ให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 7.80 บาทต่อหุ้น มองว่าผลประกอบการผ่านช่วงผันผวนที่สุดไปแล้ว และคาดว่ากำไรปกติในปี 2566 จะดีที่สุดในรอบ 8 ปี คาดว่าจะมีกำไรปกติอยู่ที่ 402 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% จากปี 2565 ซึ่งคาดว่าจะมีกำไรปกติที่ 349 ล้านบาท โดยมองว่ายังมีงานใหม่ๆ ที่รอประมูลอีกไม่น้อยกว่า 20,000-30,000 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นมีโอกาสทยอยปรับขึ้นชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 1/2566 เนื่องจากเริ่มรับรู้รายได้ของงานใหม่ที่ได้มาในครึ่งหลังปี 2565 นี้ ซึ่งเป็นงานที่รวมผลของราคาต้นทุนก่อสร้างที่สูงขึ้นแล้ว
และปีหน้าอาจจะมีกำไรพิเศษ จากการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากโครงการ Rocksalt คาดว่าจะได้รับการเรียกไปฟังคำตัดสินสุดท้ายจากศาลเวียดนาม ในช่วงมกราคม 2566 หากชนะจะทำให้สามารถกลับรายการตั้งสำรองเป็นกำไรพิเศษได้อีกราว 300 – 500 รวมถึง TTCL จะไม่มีการตั้งสำรองรายการพิเศษใดๆ อีก ในปี 2566 ซึ่ง จะทำให้ฐานะการเงินดีขึ้นมีโอกาสถูกปรับ Credit Rating ขึ้น ซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง
ส่วนผลดำเนินงานไตรมาส 4/2565 ฝ่ายวิจัยคาดกำไรปกติจะอยู่ที่ราว 80-100 ล้านบาท เติบโตสูง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และคาดรายได้อยู่ที่ 3,200-3,500 ล้านบาท สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2/2560 ตามปริมาณงาน Backlog ที่เร่งตัวขึ้น