‘บอร์ด อสมท’ ยืนกรานไม่เข้าประชุม จนกว่า 3 ปมปัญหาจะมีความชัดเจน
‘บอร์ด อสมท’ ยืนกรานไม่เข้าประชุม จนกว่า 3 ปมปัญหาจะมีความชัดเจน
รายงานข่าวจากบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) แจ้งถึงกรณีที่คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) อสมท ไม่สามารถจัดการประชุมได้ถึง 2 ครั้ง ซึ่งล่าสุดนายมารุต บูรณะเศรษฐกุล กรรมการอิสระ ได้ส่งหนังสือถึง พล.ต.ท. จตุพล ปานรักษา ประธานกรรมการและกรรมการอิสระ เพื่อชี้แจงถึงเหตุผลที่ไม่สามารถเข้าประชุมได้ โดยมีเนื้อหาระบุว่า ตามกำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการ อสมท ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 โดยมีวาระสำคัญที่ต้องนำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 14 กรกฎาคม 2563 ประกอบด้วย 1.การเสนอชื่อกรรมการทดแทนกรรมการที่ครบวาระตามการเสนอของคณะกรรมการสรรหา เพื่อนำเสนอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณา และ 2.การพิจารณาแผนฟื้นฟู อสมท ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)ได้มีหนังสือเชิญไปร่วมประชุมหารือกับสำนักนายกรัฐมนตรี วันที่ 29 มิถุนายน 2563 ซึ่งได้มีข้อเสนอแนะให้มีการดำเนินการแผนฟื้นฟู อสมท โดยด่วนนั้น เนื่องจากกำหนดการประชุมดังกล่าวไม่ได้กำหนดไว้ในปฏิทินการประชุมประจำปี และส่วนตัวมีภารกิจสำคัญที่ได้มีการกำหนดนัดหมายไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว จึงไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมในวันและเวลาดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่ามีความตั้งใจในการเข้ามาทำหน้าที่กรรมการ อสมท โดยการใช้ความรู้ความสามารถที่จะให้คำแนะนำ และหาทางแก้ไขปัญหาในการดำเนินธุรกิจของ อสมท อย่างบริสุทธิ์ใจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในการประชุมหลายครั้งที่ผ่านมา ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในการนำเสนอข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง โดยเฉพาะเรื่องการชดใช้การเรียกคืนคลื่นความถี่ย่าน 2600 เมกะเฮิรตซ์ ที่กรรมการได้มีความเห็นทักท้วงการดำเนินการของนายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา แต่ประธานกรรมการกลับไม่รับฟังความเห็นและสั่งปิดการประชุม จนทำให้กรรมการบางท่านยื่นหนังสือลาออก
นอกจากนี้ การที่กล่าวอ้างเรื่องความเสียหายต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น หากไม่สามารถพิจารณาสรรหาบุคคลแทนกรรมการที่ครบวาระ เพื่อนำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาได้นั้น ขอให้ข้อสังเกตว่า การสรรหาบุคคลเพื่อเข้ารับการเลือกตั้งเป็นกรรมการแทนกรรมการที่ครบวาระได้ถูกนำเสนอให้คณะกรรมการ อสมท พิจารณาตั้งแต่การประชุมเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และคณะกรรมการได้มีมติเห็นชอบรายชื่อบุคคลที่จะเข้ารับการเลือกตั้งเป็นกรรมการแทนกรรมการที่ครบวาระตามที่คณะกรรมการสรรหาชุดที่แล้ว ซึ่งมาจากกรรมการอิสระทั้งหมดที่มีตำแหน่งเป็นประธานอนุกรรมการด้านกฎหมาย ประธานกรรมการตรวจสอบ และประธานกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดี
โดยได้ดำเนินการตามแนวทางการสรรหากรรมการรัฐวิสาหกิจและกระบวนการที่ถูกต้อง และให้กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปมาหลายครั้งแล้ว แต่มีความพยายามที่จะถ่วงเวลาไม่มีการนำเสนอตามขั้นตอน โดยเฉพาะการนำหนังสือของ สคร. มากล่าวอ้างในประเด็นต่างๆ รวมทั้งเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระของกรรมการอิสระท่านหนึ่งที่เป็นหนึ่งในกรรมการสรรหาและการดำเนินการของคณะกรรมการสรรหา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหาใหม่ทั้งหมด โดยอ้างหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีที่กำหนดให้คณะกรรมการสรรหาควรเป็นกรรมการอิสระทั้งหมด แต่กลับแต่งตั้งกรรมการซึ่งเป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นเป็นกรรมการถึง 2 คน ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักการดังกล่าวและเลขานุการบริษัทได้เคยแจ้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้ทราบแล้ว
อีกทั้ง คณะกรรมการ อสมท เคยมีมติให้พิจารณาปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการเฉพาะเรื่อง ภายหลังการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น อสมท ประจำปี 2563 เมื่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเลือกตั้งกรรมการใหม่แทนกรรมการที่ครบวาระแล้ว กรณีดังกล่าวอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ประธานกรรมการสรรหายื่นหนังสือลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัท
ดังนั้น การดำเนินการที่ล่าช้ารวมถึงการยกเลิกมติเดิมที่คณะกรรมการเห็นชอบให้นำเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการเลือกตั้งตามที่คณะกรรมการสรรหาชุดที่แล้วนำเสนอ และให้คณะกรรมการสรรหาชุดใหม่ที่ตั้งขึ้นดำเนินการสรรหาและเสนอรายชื่อใหม่ จนอาจไม่สามารถนำเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการเลือกตั้งเป็นกรรมการแทนกรรมการที่ครบวาระให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาได้ จึงเป็นความเสียหายที่เกิดจากการไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการที่ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง
สำหรับกรณีที่ อสมท ประสบปัญหาสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ จนกระทั่ง สคร. มีข้อเสนอให้มีการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูนั้น กรรมการหลายท่านได้เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาการดำเนินธุรกิจของ อสมท ในการประชุมคณะกรรมการโดยตลอด โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องขององค์กร และที่มาของรายได้ที่ยั่งยืน แต่ไม่มีความคืบหน้าในการนำแผนการดำเนินการไปปฏิบัติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้ง อสมท อยู่ระหว่างการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่แทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ คนปัจจุบันที่จะหมดวาระในเดือนสิงหาคม 2563 และจะมีการเลือกตั้งกรรมการใหม่ ซึ่งการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูเป็นการผูกพันคณะกรรมการและผู้บริหารสูงสุดที่จะต้องดำเนินการ
ปัญหาของ อสมท ในขณะนี้ คณะกรรมการต้องมีความโปร่งใส ยึดถือผลประโยชน์ขององค์กรและประเทศชาติทำตามกฎระเบียบและหลักเกณฑ์ที่ถูกต้อง ไม่แสวงหาผลประโยชน์อื่นใด และต้องมีความกล้าหาญที่จะปกป้องและดูแลรักษาผลประโยชน์ให้กับ อสมท และส่วนรวมอย่างแท้จริง ตราบใดที่ยังมีความไม่ชัดเจนและมีความพยายามที่จะบิดเบือนข้อเท็จจริงต่างๆ คงไม่สามารถที่จะเข้าร่วมการประชุมได้