เปิดตัวเครื่องบินเจ็ทพลังงานไฮโดรเจนรุ่นใหม่ บินได้ไกลกว่าแบตเตอรี่ไฟฟ้าถึง 5 เท่า เตรียมให้บริการภายในปี 2030

บริษัท บียอนด์ แอโร (Beyond Aero) จากประเทศฝรั่งเศส เปิดตัวต้นแบบเครื่องบินเจ็ทพลังงานสะอาดรุ่นใหม่ ภายใต้ชื่อ BYA-1 ซึ่งใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบไม่พึ่งแบตเตอรี่ โดยเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฮโดรเจน บริษัทตั้งเป้าให้เครื่องบินรุ่นนี้เริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2030 พร้อมยืนยันว่าต้นทุนการดำเนินงานจะต่ำกว่าเครื่องบินเจ็ททั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ และยังช่วยลดเสียงรบกวนในห้องโดยสารลงถึง 50%
เครื่องบินรุ่นใหม่นี้ออกแบบสำหรับผู้โดยสาร 10 ที่นั่ง ติดตั้งถังไฮโดรเจนแรงดันสูงจำนวน 6 ถัง โดยแบ่งเป็น 4 ถัง ติดตั้งบริเวณลำตัว และ 2 ถัง ที่ปลายปีก ทำหน้าที่จ่ายเชื้อเพลิงให้กับเซลล์เชื้อเพลิงกำลัง 400 กิโลวัตต์ จำนวน 6 ชุด ซึ่งจะเปลี่ยนไฮโดรเจนให้เป็นพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำ ก่อนส่งต่อไปขับเคลื่อนกังหันไอพ่นไฟฟ้า โดยให้กำลังสูงสุดรวม 2.4 เมกะวัตต์ หรือประมาณ 3,217 แรงม้า
บริษัท บียอนด์ แอโร (Beyond Aero) ระบุว่า หากบรรทุกไฮโดรเจนเต็มถัง 250 กิโลกรัม เครื่องบินจะสามารถเดินทางได้ไกลถึง 1,482 กิโลเมตร ด้วยความเร็วเดินทาง 575 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ระดับความสูง 26,000 ฟุต และหากลดความเร็วลงเหลือ 444 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะทางจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,223 กิโลเมตร
ข้อได้เปรียบสำคัญของระบบขับเคลื่อนไฮโดรเจน คือ พลังงานต่อน้ำหนักสูงกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมถึงหลายเท่า แม้จะต้องใช้พื้นที่มากกว่าในการติดตั้งถังเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม การออกแบบตัวเครื่องแบบใหม่ ทำให้สามารถติดตั้งถังไฮโดรเจนได้โดยไม่ลดทอนพื้นที่ผู้โดยสาร
บริษัทเผยว่า พัดลมไฟฟ้าแบบท่อที่ใช้ในระบบนี้มีชิ้นส่วนน้อยกว่าเครื่องยนต์เจ็ททั่วไปถึง 90% และทำงานที่อุณหภูมิต่ำกว่า ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานได้สูงสุดถึง 55% ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันอากาศยาน Jet-A เทียบกับไฮโดรเจนสีเขียว จะช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิงได้ราว 17% ตั้งแต่เริ่มให้บริการ
ในด้านลดเสียงรบกวนจากเครื่องบิน บริษัท บียอนด์ แอโร (Beyond Aero) ระบุว่าห้องโดยสารจะเงียบกว่าเครื่องบินเจ็ททั่วไปถึง 15 เดซิเบล ส่งผลให้ระดับเสียงที่ผู้โดยสารรับรู้ลดลงประมาณ 50% ตามหลักลอการิทึมของมาตราส่วนเดซิเบล
สำหรับการทดสอบเบื้องต้น บริษัทได้บินเครื่องต้นแบบด้วยระบบขับเคลื่อนไฮโดรเจนกำลัง 85 กิโลวัตต์ เมื่อปีที่ผ่านมา นับเป็นเที่ยวบินไฮโดรเจนไฟฟ้าที่มีนักบินควบคุมลำแรกของฝรั่งเศส และปัจจุบันได้ยื่นขออนุมัติการออกแบบกับ องค์การความปลอดภัยการบินแห่งยุโรป (EASA)
แม้เส้นทางสู่การผลิตจริงและเปิดให้บริการยังต้องเผชิญความท้าทายอีกมาก แต่บริษัท บียอนด์ แอโร (Beyond Aero) ถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นหน้าใหม่ที่พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินสู่เป้าหมาย การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2050 โดยเฉพาะเมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท แอร์บัส (Airbus) ยังคงพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอยู่ในปัจจุบัน
ด้วยเงินทุนกว่า 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,500 ล้านบาท และคำสั่งซื้อเบื้องต้น 108 รายการ มูลค่ารวม 914 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 31,044 ล้านบาท บริษัท บียอนด์ แอโร (Beyond Aero) จึงเป็นสตาร์ตอัปที่น่าจับตามองในเส้นทางพัฒนาเครื่องบินพลังงานสะอาดเพื่ออนาคต