รีเซต

แถลงปิดคดีฆ่ายัดถัง 'หลาน-แฟน' สารภาพร่วมกันปลิดชีพยาย ตร.แจ้งข้อหาเพิ่ม ฆ่าโดยไตร่ตรอง

แถลงปิดคดีฆ่ายัดถัง 'หลาน-แฟน' สารภาพร่วมกันปลิดชีพยาย ตร.แจ้งข้อหาเพิ่ม ฆ่าโดยไตร่ตรอง
มติชน
17 กุมภาพันธ์ 2565 ( 22:01 )
40
แถลงปิดคดีฆ่ายัดถัง 'หลาน-แฟน' สารภาพร่วมกันปลิดชีพยาย ตร.แจ้งข้อหาเพิ่ม ฆ่าโดยไตร่ตรอง

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีพบศพ นางสมศรี ม่านกระโทก อายุ 62 ปี ชาว ต.บ้านป่า อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ถูกฆ่ายัดถังขยะที่บริเวณชายเขาชะโอย หมู่ 10 ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี โดย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.เกรียงไกร วุฒิพานิช ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ เฉลียวศิลป์ รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.นิกร ด้วงฉุน ผกก.สภ.เดิมบางนางบวช พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเดินทางมาร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลสุพรรณบุรี ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันซ่อนเร้น เคลื่อนย้าย ทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังสาเหตุการตาย และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

 

ภายหลัง พล.ต.ท.ธนายุตม์เดินทางมาถึง สภ.เดิมบางนางบวช ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จากนั้นเดินออกมาทำการสอบสวน นายปฏิพล จันทรมณฑล อายุ 23 ปี ถึงแรงจูงใจ วิธีการลงมือสังหาร และนำศพไปทิ้ง

 

จากนั้นได้ออกมาแถลงกับสื่อมวลชน โดยกล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน คือ น.ส.เอ (นามสมมุติ) หลานของผู้ตาย ซึ่งเป็นแฟนกับนายปฏิพล ให้การรับสารภาพแล้วว่าร่วมกันลงมือฆ่านางสมศรี ผู้ก่อเหตุได้ลงมือฆ่าที่ จ.นครราชสีมา และนำศพมาทิ้งในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี สาเหตุที่นำศพมาทิ้งที่สุพรรณบุรี จากการสอบเพิ่มทราบว่า นายปฏิพลเคยมาเรียนอยู่ใน อ.สามชุก ซึ่งคดีนี้มีการวางแผนเตรียมไว้ล่วงหน้า โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาเพิ่ม คือฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

 

พล.ต.ท.ธนายุตม์กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต เราจะเร่งสรุปคดีเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทางผู้ตาย และต้องขอขอบคุณทีมสืบสวนที่เร่งรัดจนปิดคดีได้โดยเร็ว ทั้งนี้ น.ส.เอ (นามสมมุติ) ไม่ใช่หลานแท้ๆ ของนางสมศรี (ผู้ตาย) แต่เป็นลูกของลูกพี่สาวผู้ตาย แต่รับมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กและรักเหมือนหลานแท้ๆ

 

“น.ส.เอ ได้เห็นเงินในบัญชีของผู้ตาย ซึ่งนายดำรง สามีผู้ตาย บอกว่าเป็นเงินที่กู้มาจากที่ทำงาน 100,000 บาท พอหลานเห็นเงินก็ได้วางแผนที่จะฆ่ายาย แต่นี่คือคำให้การของผู้ต้องหา ซึ่งทางตำรวจจะต้องสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อความแน่ชัดอีกครั้ง

 

“ตอนนี้จากการสอบสวนก็ร่วมกันฆ่า จากการไปตรวจที่ห้องเช่าเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลับฐานพบคราบเลือด และวัตถุพยานเพิ่มเติม ตอนนี้กำลังหาเชือกที่ใช้รัดคอว่านำไปทิ้งที่ไหน ทราบว่าทั้งคู่รู้จักกันทางเฟซบุ๊กมาได้ประมาณ 1 ปี แต่ก็เพิ่งจะได้มาเจอกันครั้งแรก ซึ่งนายปฏิพลบอกว่า น.ส.เอ แบ่งเงินให้มา 30,000 บาท ส่วนเรื่องอื่นตอนนี้อยู่ในขั้นสอบสวนเพิ่มเติม หลังฆ่าแล้วผู้ต้องหาช่วยกันนำศพที่มัดไว้แล้วขนขึ้นรถกระบะ และวางไว้หลังเบาะ โดยเอนเบาะมานิดหนึ่ง” พล.ต.ท.ธนายุตม์กล่าว

หลังจากนั้น พล.ต.ท.ธนายุตม์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน พนักงานสอบสวน พิสูจน์หลักฐาน กก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ พร้อมนำตัวผู้ต้องหาคือนายปฏิพลไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางความรัดกุมด้วยเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย

เมื่อถึงจุดทำแผน นายปฏิพลมีสีเหน้าเรียบเฉย เดินไปชี้จุดที่นำศพยายมาทิ้งก่อนนำตัวไปฝากขังที่ สภ.เดิมบางนางบวช ต่อไป

สำหรับคดี ฆ่ายัดถัง ด้านการสืบสวนติดตามจับกุมเบื้องต้นทราบว่า หลังจากพบศพ ตำรวจได้เร่งตรวจสอบข้อมูลพยานแวดล้อม พร้อมตรวจลายนิ้วมือผู้ตาย จนทราบว่าผู้ตายคือ นางสมศรี ม่ามกระโทก อายุ 62 ปี ชาว ต.บ้านป่า อ.แก่งคอย จ.สระบุรี จึงได้สืบสวนตรวจสอบดูกล้องวงจรปิด พร้อมทั้งตรวจสอบพยานใกล้เคียงในที่เกิดเหตุ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

จากนั้นได้ติดต่อไปหา นายดำรง ม่ามกระโทก อายุ 54 ปี สามีผู้ตาย และทราบว่าผู้ตายไปอยู่กับหลานคือ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ที่ จ.นครราชสีมา กลับไปตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. และติดต่อผู้ตายไม่ได้มาหลายวันแล้ว จึงให้สามีผู้ตายโทรไปหาผู้ตาย และหลานสาวรับสาย ตาจึงถามว่ายายอยู่ไหม แต่หลานตอบว่ายายนอนอยู่ที่ห้อง ส่วนตนเองเรียนอยู่ จากนั้นหลานสาวก็ปิดโทรศัพย์ยาย และไม่สามารถติดต่อได้อีก จึงเกิดพิรุธ เพราะยายตายแล้ว เหตุใดหลานจึงตอบตาว่ายายนอนอยู่ที่ห้อง

ตำรวจชุดสืบสวนจึงพานายดำรงเดินทางไปที่ห้องเช่าที่ จ.นครราชสีมา แต่ก็ไม่พบใคร จึงสอบถามเพื่อนข้างห้องและดูกล้องวงจรปิด จนทราบว่า น.ส.เอ ได้เก็บเสื้อผ้าหนีไปแล้ว โดยมีเพื่อนขี่รถจักรยานยนต์มารับไปส่งที่ บขส. จากนั้นจึงได้เร่งตรวจสอบติดตามจนทราบว่า น.ส.เอ เดินทางขึ้นไปทางเหนือ จึงประสานกับตำรวจในพื้นที่ สภ.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก ให้ช่วยติดตามตัว น.ส.เอ และแฟนหนุ่ม ซึ่งคาดว่ากำลังหลบหนี จะผ่านไปทางด่านห้วยยะอุ ต.ด่านแม่ละเมา อ.แม่สอด จนสามารถจับกุมตัวได้ขณะกำลังนั่งอยู่ในรถตู้สาธารณะเพื่อที่จะหลบหนี

จากการสอบสวนทราบว่า น.ส.เอ อยากมีเงินเพื่อไปลงทุนและอยากแยกตัวออกจากยาย เพราะยายเป็นคนเจ้าระเบียบ ชอบบ่นเรื่องการเรียน และเรื่องคบหาผู้ชาย ซึ่ง น.ส.เอ ได้รู้จักกับนายปฏิพลผ่านโลกโซเชียล และทราบว่าตาได้ไปกู้เงินมาจากที่ทำงานมาประมาณ 100,000 บาท และได้เอาเงินไปเก็บไว้ที่ยายทั้งหมด จึงได้วางแผน

โดยให้นายปฏิพล แฟนหนุ่ม ซึ่งอยู่ที่ จ.ตาก ขับรถลงมารอที่ จ.นครราชสีมา ซึ่ง น.ส.เอ ได้มาเช่าห้องอยู่กับยายเพื่อเรียนหนังสือ หลัง น.ส.เอ เดินทางกลับมาที่ห้องเช่าพร้อมยาย หลังกลับไปบ้านที่ จ.สระบุรี มา จากนั้ันเมื่อวันที่ 10 ก.พ. เวลาประมาณ 01.00 น. หลังยายหลับสนิทจึงได้ติดต่อให้นายปฏิพลที่มารออยู่แล้ว เข้ามาหาที่ห้อง ก่อน น.ส.เอ ลงมือบีบคอยายในขณะนอนหลับอยู่ แต่ยายรู้สึกตัวและดิ้นสู้ น.ส.เอ สู้แรงไม่ไหวจึงเรียกแฟนให้เข้าไปช่วย และใช้สายไฟรัดคอ น.ส.เอ ไปช่วยจับข้อเท้ายายไว้ จนยายเสียชีวิต

จากนั้นจึงได้ช่วยกันใช้เชือกฟางสีขาวมัดที่ตัวและขาของยาย ใช้ผ้าห่มห่อร่างยายไว้อีกชั้น และช่วยกันยกร่างผู้ตายไปขึ้นรถกระบะตอนเดียว และเอาศพไว้ด้านหลังเบาะ ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ทะเบียน บฉ 7058 ตาก ของนายปฏิพล และขับออกมาพร้อมศพ ตอนเวลาประมาณตี 3 โดยขับมาตามทางเรื่อยๆ ผ่าน จ.สระบุรี จ.อยุธยา และเข้า จ.สุพรรณบุรี ถึง อ.สามชุก ประมาณ 7 โมงเช้า ของวันที่ 11 ก.พ.

จากนั้นไปหาห้องพักในเขต อ.สามชุก จนเวลา 11.45 น. ได้ขับรถออกมา หาซื้อดิน ปุ๋ย และกากมะพร้าว เพื่อจะเอามาใส่ศพ และนำถังขยะสีฟ้า (ถังใส่ศพ) อยู่บริเวณริมถนนขึ้นรถมาเพื่อจะใส่อำพรางศพ และขับรถไปกินข้าวใน อ.เดิมบางนางบวช ก่อนขับรถไปในป่าเขาชะโอย เพื่อนำศพใส่ถังขยะ และใส่ดินและกากมะพร้าว เข้าไปในถังขยะเพื่อปิดอำพรางศพ จากนั้นได้ขับรถนำศพไปทิ้งไว้ในจุดที่พบศพ เพราะเนื่องจากบริเวณนั้นมีทางที่รถยนต์สามารถขับเข้าไปได้

หลังทิ้งศพยายแล้ว นายปฏิพลได้ขับรถพา น.ส.เอ กลับไปส่งที่ห้องเช่าใน จ.นครราชสีมา ส่วนนายปฏิพล ได้ขับรถกลับบ้านที่ จ.ตาก และก็ได้แชตคุยกันตลอด จนมีคนมาพบศพและเป็นข่าว นายปฏิพลจึงทักมาบอกว่าเรื่องแดงแล้ว น.ส.เอ จึงเก็บเสื้อผ้าไปที่ บขส.นั่งรถไปหาแฟนหนุ่มที่ จ.ตาก เพื่อที่จะหลบหนีต่อไป กระทั่งตำรวจจับตัวได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง