ม.ออกซ์ฟอร์ด ยอมรับ วัคซีน โควิด-19 มีโอกาสล้มเหลวครึ่งต่อครึ่ง
![ม.ออกซ์ฟอร์ด ยอมรับ วัคซีน โควิด-19 มีโอกาสล้มเหลวครึ่งต่อครึ่ง](https://cms.dmpcdn.com/contentowner/2020/03/25/42cd3c40-6e5a-11ea-b8a2-09037777d4af_original.png)
![ม.ออกซ์ฟอร์ด ยอมรับ วัคซีน โควิด-19 มีโอกาสล้มเหลวครึ่งต่อครึ่ง](https://cms.dmpcdn.com/news/2020/05/19/f6b3c040-99bf-11ea-ad71-5dbefadcf83f_original.jpg)
สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างรายงานของหนังสือพิมพ์เดลี เทเลกราฟ ของอังกฤษเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และบริษัท แอสทราเซเนกา ร่วมมือกับพัฒนาขึ้นนั้นมีโอกาสประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวได้ครึ่งต่อครึ่ง หลังจากที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในอังกฤษซาลงอย่างรวดเร็ว
ศาสตราจารย์ เอเดรียน ฮิลล์ ผู้อำนวยการสถาบันเจนเนอร์ ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ซึ่งริเริ่มพัฒนาวัคซีนที่รู้จักกันในชื่อ แชดอกซ์1 เอ็นโคฟ-19 (ChAdOx1 nCoV-19) ระบุว่า การทดลองระยะต่อไป ซึ่งจำเป็นต้องใช้กลุ่มตัวอย่างอาสาสมัคร 10,000 คน มีแนวโน้มถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ที่จะแสดงผลออกมาว่า “ไม่มีผล” เนื่องจากมีการแพร่ระบาดในระดับต่ำมากในอังกฤษ
“เรากำลังแข่งกับเวลา แข่งกับการจางหายไปของไวรัส ถึงตอนนี้เรามีโอกาสมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ที่จะไม่ได้ผลการทดลองมาเลย” ศาสตราจารย์ ฮิลล์ เปิดเผยกับเทเลกราฟ
ทั้งนี้ การทดลองวัคซีนตัวนี้ในอังกฤษในขั้นตอนการทดลองในคนนั้นเริ่มต้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในวัคซีนตัวแรกๆ ที่สามารถก้าวรุดหน้าไปถึงขั้นตอนการทดลองในมนุษย์ได้สำเร็จ
โดยการทดลองระยะต่อไปของวัคซีนดังกล่าว ซึ่งรวบเอาการทดลองในคนในระยะที่ 2 และ ที่ 3 เข้าไว้ด้วยกัน จำเป็นต้องใช้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกัน 10,260 คน เพื่อตรวจสอบดูว่า วัคซีนที่พัฒนาขึ้นก่อให้เกิดภูมิคุ้มกันขึ้นในกลุ่มอายุต่างกันในกลุ่มตัวอย่างหรือไม่ และประเมินดูด้วยว่าเกิดการกลายพันธุ์ขึ้นหรือไม่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวนมากในกลุ่มอายุแตกต่างกัน ซึ่งอาจไม่มีกลุ่มตัวอย่างดังกล่าวแล้วก็เป็นได้ เพราะการระบาดซาลงรวดเร็วมากดังกล่าว