รวบหนุ่มใหญ่สุดกร่าง อ้างเป็นทหารยศนายพล ขับรถย้อนศร ขู่สั่งย้าย ตร. พบประวัติโชกโชน

วันที่ 21 กันยายน 2564 เวลา 02.00 น. พ.ต.ท.จีรุฏฐ์ พิมพา รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองนครพนม นำตัวนายภานุวัฒน์ ห้องแซง หรือหนุ่ย อายุ 55 ปี ส่งให้กับ ร.ต.ท.วัตรสันณห์ เนตรหาญ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “แต่งกายเครื่องแบบทหารที่ทหารยังคงใช้ในราชการอยู่โดยไม่มีสิทธิ์จะแต่งได้โดยชอบด้วยกฎหมายในเวลาที่บ้านเมืองมีเหตุฉุกเฉินโดยไม่ได้รับอนุญาต
คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. วันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา ดต.บูชิต ศรีสุราช ตำรวจจราจรรหัส 605 ปฏิบัติหน้าที่อยู่ป้อมยามหน้าตลาดสดเทศบาลเมืองนครพนม ถนนอภิบาลบัญชา รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีชายแต่งกายคล้ายทหารขับรถยนต์ยี่ห้อ Jeep Cherokee (จิ๊ป เชอโรกี) สีดำ ทะเบียน กว. 9227 อุบลราชธานี ย้อนศรเข้ามาในตลาด ทำให้มีรถติดยาวหลายคัน จึงออกไปตรวจสอบพบชายดังกล่าวสวมใส่ชุดคล้ายทหาร มีผ้าสีดำปิดบังใบหน้า และสวมหมวกเบเร่ต์สีดำ ในมือขวาถือไม้คมแฝก ยืนอยู่หน้าร้านโปรแกรม ที่เปิดรับเย็บซ่อมเสื้อผ้า ดาบบูชิตจึงบอกให้ขยับรถออกไปจอดด้านนอก กลับถูกชายคนดังกล่าวชี้หน้าด่าพร้อมให้ของลับ คุยโวว่าตนเองเป็นนายทหารยศพลตรี เคยสั่งย้ายตำรวจมาหลายคนแล้ว ซึ่งดาบบูชิตได้ขอร้องให้ขยับรถยนต์ออกจากการกีดขวางการจราจร ก่อนที่ชายแต่งกายคล้ายทหารจะยอมไปขยับรถให้ และขับออกไปอย่างรวดเร็ว โดยดาบบูชิตก็ได้รายงานเหตุการณ์เบื้องต้นให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น
ซึ่งระหว่างมีการโต้เถียงกัน ได้มีประชาชนถ่ายคลิปไว้และนำไปเผยแพร่ในโซเซียลจนมีการวิพากษ์วิจารณ์ในเพจดังกล่าว ทาง พ.อ.จักริน จิตคติ รอง ผบ.มทบ.210 ปฎิบัติหน้าที่ รอง ผอ.รมน.จ.นครพนม เห็นภาพข่าวดังกล่าว สั่งให้มีการตรวจสอบว่าชายในคลิปเป็นนายทหารสังกัดไหน พร้อมร่วมกับตำรวจสายสืบฯ และสารวัตรทหาร ออกติดตามตัวโดยเร็วที่สุด เนื่องจากประชาชนให้ความสนใจ และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงต่อกองทัพเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันเดียวกัน พบชายลักษณะเดียวกันขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าแบบวิบาก รุ่น CRF250 สีน้ำเงิน-แดง ทะเบียน 1 กฉ 220 มุกดาหาร มาจอดบริเวณแลนด์มาร์คพญาศรีสัตตนาคราช ริมแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจึงเข้าตรวจสอบขอดูบัตรข้าราชการหรือเอกสารที่ใช้แทนบัตรข้าราชการ ซึ่งชายดังกล่าวทราบต่อมาว่าชื่อนายภานุวัฒน์ ห้องแซง หรือหนุ่ย อ้างไม่ได้พกมาด้วย และมีท่าทีพิรุธพูดจาวกไปวนมา หน้าซีดตัวสั่นตลอดเวลา เจ้าหน้าที่จึงจับกุมและนำตัวไปค้นห้องพักในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ได้ของกลางประกอบด้วย 1.เครื่องแบบลายพรางทหารบก จำนวน 5 ชุด 2.เข็มขัดสนามพร้อมอุปกรณ์ส่วนควบ จำนวน 1 เส้น 3.เสื้อเกราะกันกระสุน จำนวน 1 ตัว 4.หมวกเบเร่ต์สีดำ จำนวน 1 ใบ พร้อมสอบสวนโดยละเอียดที่งานสืบสวน สภ.เมืองนครพนม
ซึ่งนายภานุวัฒน์ผู้ต้องหายังไม่สลด อ้างเป็นนายทหารมียศพลตรี ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้ปฏิบัติราชการลับและสืบสวนหาข่าวในพื้นที่จังหวัดนครพนม จากการตรวจสอบประวัติของบุคคลดังกล่าวไปที่ต้นสังกัดตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง และติดต่อผู้ใหญ่บ้านไปตามที่อยู่ของผู้ต้องหา ไม่ปรากฏพบว่าได้รับราชการทหารแต่อย่างใด โดยมีพฤติกรรมชอบแต่งเครื่องแบบคล้ายทหาร และมักจะไปปรากฏตัวอยู่ในพื้นที่จังหวัดต่างๆอย่างประจำ เมื่อสอบสวนเพิ่มเติมอย่างละเอียด ก็ยังไม่มีหลักฐานเอกสารยืนยันจากต้นสังกัดหรือหน่วยงานใดให้การรับรอง หลังความจริงปรากฏผู้ต้องหาจึงจำนนต่อหลักฐานให้การรับสารภาพว่าเคยถูกจับกรณีลักษณะดังกล่าวในพื้นที่อื่นมาแล้วประมาณ 3-4 ครั้ง หลังพ้นผิดก็ยังมีใจรักในเครื่องแบบและยังอยากกระทำลักษณะเดิมอีก
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับคำบอกเล่าจากนางสง่า บรรจง อายุ 46 ปี เจ้าของร้านโปรแกรม รับซ่อม-เย็บเสื้อผ้าบริเวณทางออกตลาดสดเทศบาลเมืองนครพนม ว่า ในวันเกิดเหตุนายภานุวัฒน์นำเสื้อลายพรางทหารมาใส่เครื่องหมาย และขับรถยนต์ย้อนศรเข้ามา จังหวะนั้นมีรถที่วิ่งมาถูกทางบีบแตร นายภานุวัฒน์ก็พยายามจะขับรถปีนฟุตบาทขึ้นมาบนตลาด จนมีเสียงเอะอะโวยวายจากชาวบ้าน จึงยอมถอยรถไปจอดอยู่อีกด้านของถนน กระทั่งมีตำรวจจราจรเข้ามาบอกให้ถอยรถออกไป กลับถูกนายภานุวัฒน์ชี้หน้าด่า และอ้างจะสั่งย้ายด่วนภายใน 24 ชั่วโมง ตนและชาวตลาดขอชื่นชมตำรวจจราจรที่มีความสุขุมจนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้โดยไม่มีเหตุบานปลาย