ซูเปอร์โพลชี้ 94.7% ยังให้โอกาสนายกฯ วอนโอนเงินเยียวยาทันที

สำนักวิจัยซูเปอร์โพลเผยผลสำรวจความรู้สึกและความต้องการของประชาชนต่อสถานการณ์มหาอุทกภัยภาคใต้ และท่าทีของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี หลังออกมาขอโทษยอมรับความบกพร่อง พร้อมลงพื้นที่ช่วยเหลือด้วยตนเองระหว่างวันที่ 29–30 พฤศจิกายน 2568 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,142 รายทั่วประเทศ

ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 75.8 มองว่าน้ำท่วมครั้งนี้เป็น “เหตุสุดวิสัยจากภัยธรรมชาติ” ขณะที่อีกร้อยละ 24.2 เชื่อว่ายังสามารถป้องกันหรือบรรเทาได้ หากระบบบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ สะท้อนความกังวลต่อระบบเตือนภัยและการทำงานร่วมกันระหว่างส่วนกลาง–ท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นฐานเสียงที่รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งสร้างผลงานตอบสนองอย่างเร่งด่วน

นอกจากนี้ ประชาชนตอบรับเชิงบวกต่อท่าทีของนายกฯ อย่างมีนัยสำคัญ โดยร้อยละ 94.7 ต้องการให้รัฐ “โอนเงินเยียวยาตรงเข้าบัญชีโดยเร็ว” ถือเป็นเสียงเรียกร้องที่สูงที่สุดในผลสำรวจครั้งนี้ สะท้อนความต้องการความรวดเร็ว โปร่งใส และเข้าถึงได้จริง ขณะเดียวกัน ร้อยละ 91.5 พึงพอใจที่ทุกฝ่ายร่วมช่วยเหลือกัน และร้อยละ 90.3 ต้องการให้การเมืองหยุดทะเลาะ มุ่งแก้ปัญหาให้ประชาชนเป็นหลัก

ด้านความกังวลเรื่องหนี้สินพบสูงถึงร้อยละ 82.9 ขณะที่ร้อยละ 71.8 ระบุว่าการขอโทษและการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ทำให้รู้สึกดีขึ้น เป็นตัวชี้วัด “ภาวะผู้นำเชิงมนุษย์” ที่มีผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนโดยตรง

ส่วนกระแสพูดถึงคลิปนายกรัฐมนตรีหยิบกล้วยทอดที่ตกพื้นขึ้นมากิน ประชาชนร้อยละ 45.7 มองว่าเป็น “ผู้นำติดดินจริง” และร้อยละ 41.2 เชื่อว่าไม่ใช่การจัดฉาก ขณะที่อีกร้อยละ 34.1 เห็นว่าเป็นการสร้างภาพ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนความรู้สึกหลากหลายต่อภาพลักษณ์ผู้นำในภาวะวิกฤต

เมื่อถามถึงสิ่งที่ประชาชนต้องการเร่งด่วนที่สุด พบ 5 อันดับแรก ได้แก่

 1. เร่งโอนเงินเยียวยาค่าใช้จ่ายประจำวัน–ช่วยผู้เสียชีวิต (91.1%)

 2. ช่วยชำระหนี้บ้าน รถ ธุรกิจ และหนี้ส่วนบุคคล (89.4%)

 3. ซ่อมบ้าน รถ และอุปกรณ์ทำกิน (85.1%)

 4. สร้างงาน อาชีพ และยกเว้นภาษีรายได้ (77.2%)

 5. พักชำระหนี้ ลดต้นลดดอก (73.4%)

ขณะเดียวกัน ความกังวลต่อระบบราชการในพื้นที่น้ำท่วมพบสูงถึง 98.3% ซึ่งสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างเมื่อเกิดวิกฤต ส่วนประชาชนนอกพื้นที่กังวลร้อยละ 64.9

โดยรวมผลโพลระบุว่า แม้น้ำท่วมครั้งนี้จะหนักที่สุดครั้งหนึ่งของภาคใต้ แต่ประชาชนยังพร้อม “ให้โอกาสรัฐบาล” หากการช่วยเหลือเดินหน้าอย่างรวดเร็วและถึงมือจริง โดยห้วง 3–7 วันหลังจากนี้ถูกมองว่าเป็น “เวลาชี้ชะตาศรัทธา” ของรัฐบาลชุดปัจจุบัน