ชมรง.ผลิตเตาอั้งโล่ประหยัดพลังงาน ที่ราชบุรี เจ้าของเผยตั้งแต่น้ำมันแพงยอดขายดีขึ้น
น.ส.พิชญดา พุ่มเลิศ อายุ 30 ปี เจ้าของโรงงานผลิตเตาประหยัดพลังงาน เปิดเผยว่า เตาอั้งโล่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างช้านาน และได้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ปัจจุบันตนมาช่วยงานคุณพ่อ คุณแม่ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งโรงงาน และเป็นของขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งนอกจากโอ่งมังกรราชบุรี ยังมีเตาอั้งโล่ เนื่องจากที่จังหวัดราชบุรี มีดินเหนียวคุณภาพดีที่ใช้สำหรับใช้ปั้นโอ่งและปั้นเตาอั้งโล่กันมายาวนาน ที่โรงงานมีการผลิตเตาถ่านหลายประเภท อาทิ เตาประหยัดพลังงาน มีทั้ง ทรงแหลม และ ทรงตรง เตาอั้งโล่ หรือ เตาดำ เตาปิ้งย่าง เตาหมูกระทะ เตาขนมครก มีหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ โดยเปิดจำหน่ายทั้งปลีก-ส่ง และ ยังส่งขายทั่วประเทศ ราคาจำหน่ายออกจากโรงงานจะเริ่มต้นที่ 80 – 270 บาท
สำหรับประเด็นที่กำลังได้รับความสนใจ ของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหันมาใช้เตามหาเศรษฐีหรือเตาซูเปอร์อั้งโล่ แทนเตาอั้งโล่ธรรมดานั้น มองว่า ปกติที่โรงงานจะผลิตเตาประหยัดพลังงานอยู่แล้ว มีทั้งรูปแบบ เตารูปทรงตัววี และ ทรงตั้งตรง ซึ่งจะมีความแตกต่างกันตรงที่การเก็บความร้อน ในขณะเผาไหม้ของถ่าน และ การรับน้ำหนักของหม้อต้ม
การปั้นจะเน้นปากของเตาที่จะค่อนข้างกว้าง และรังผึ้งจะหน้ากว่าเตาทั่วไป รูระบายอากาศเป็นรูปกรวย ช่วยไม่ให้ถ่านชิ้นเล็กหลุดร่วงลงบนขี้เถ้าและช่วยเรื่องการดูดอากาศ ทำให้ทำความร้อนได้สูงกว่า
เวลาใส่ถ่านไปจะเผาได้ช้ากว่า ประหยัดถ่านกว่าเตาอั้งโล่ทั่วไป 30–40 % ให้ความร้อนสูง อุณหภูมิกลางเตาประมาณ 1,000-1,200 องศาเซลเซียส มีลักษณะเพรียวและน้ำหนักเบา วางภาชนะหุงต้ม (หม้อ) ได้ 9 ขนาด ตั้งแต่เบอร์ 16 – 32 ขณะหุงต้มไม่มีควันและก๊าซพิษเกิดขึ้น และ อายุการใช้งานเฉลี่ยมากกว่า 2 ปี อีกทั้งยังมีความแข็งแรง ใช้ถ่านในปริมาณน้อยไม่สิ้นเปลืองถ่าน และยังถูกกว่าการใช้แก๊สหุงต้ม แต่อาจจะเสียเวลาในขณะที่ติดเตาถ่าน ส่วนราคาขายที่โรงงาน 260 – 270 บาท ส่วนตามร้านค้าปลักทั่ว ๆ 290 – 300 บาท
นายประเชิญ นันยา อายุ 49 ปี แผนกจัดส่ง กล่าวว่า เตาอั้งโล่ เตาถ่าน หรือ เตาประหยัดพลังงานยังคงได้รับความนิยมสูง โดยตามร้านอาหาร ร้านหมูกระทะ หรือ ตามบ้านเรือนแถวชนบท โดยเฉพาะยุคที่เชื้อเพลิงมีราคาสูงคนหันมาใช้เตากันมากขึ้น อย่างวันนี้นำเตาขึ้นรถยนต์กระบะ เพื่อไปส่งให้กับร้านค้า จังหวัดพิษณุโลก และ จังหวัดพิจิตร มีทั้งเตาหุงต้มทั่วไป เตาถ่านขนาดใหญ่ และ เตาประหยัดพลังงาน ปกติแล้วก็จะวิ่งส่งไปยังทั่วประเทศ ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคกลาง เฉลี่ยเดือนหนึ่งจะส่ง 5-6 เที่ยว อนาคตตนมองว่าคนจะหันมาใช้เตาถ่านกันเพิ่มมากขึ้นโดยเพราะตามร้านค้าที่ต้องมีการปรุงอาหาร เพราะแบกรับค่าใช้จ่ายของแก๊สหุงต้มไม่ไหว ส่วนเตาซื้อครั้งเดียวสามารถอยู่ได้ยาวนานกว่า 1 – 2 ปี ส่วนเชื้อเพลิงได้ทั้งถ่านสำเร็จ กิ่งไม้ทั่วก็นำมาเป็นเชื้อเพลิงได้