EPG รับดีมานด์พุ่ง ลูกค้าป้อนไม่หยุด

#EPG #ทันหุ้น – EPG โดดรับบาทอ่อนหนุนยอดส่งออกกระฉูด พร้อมส่งซิกครึ่งหลังปีนี้ฟอร์มแจ่ม รับดีมานด์ทะลัก ออเดอร์ไหลเข้าไม่หยุด แถมปักธงรายได้ปีนี้ตามนัด 1.35 หมื่นล้านบาท อานิสงส์พอร์ตลูกค้าขยายตัวต่อเนื่อง ฟากโบรกมองไตรมาส 2/2566 เริ่มกลับมาฟื้นตัวชัด จากทั้ง 3 ธุรกิจหลัก เคาะพื้นฐาน 13 บาท
รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า จากแนวโน้มค่าเงินบาทอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ราว 36.49 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (อิงข้อมูลของธปท. ณ วันที่ 14 ก.ค.65) ซึ่งถือเป็นตัวเลขการอ่อนค่าสูงสุดในรอบเกือบ 16 ปีนั้นทาง EPG มองว่าน่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจอย่างชัดเจน เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากต่างประเทศ เพราะฉะนั้นการอ่อนค่าของเงินข้างต้นจะช่วยผลักดันให้รายได้จากต่างประเทศปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของ EPG แบ่งเป็น การผลิตและจำหน่ายสินค้าเพื่อส่งออกและขายในต่างประเทศประมาณ 60% ส่วนที่เหลือมาจากรายได้จากกลุ่มธุรกิจต่างๆ ที่ขายให้กับลูกค้าในประเทศอีกราว 40% รวมทั้งธุรกิจมีแนวทางทำตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติม หวังขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น
*ครึ่งปีหลังออเดอร์ไหลเข้า
อย่างไรก็ดี แนวโน้มผลประกอบการในครึ่งหลังงวดบัญชีปี 2566 (ต.ค.65-มี.ค.66) บริษัทคาดน่าจะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงครึ่งแรกปีเดียวกัน เพราะทิศทางคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ทั้ง ธุรกิจวัสดุก่อสร้างภายใต้แบรนด์ "Aeroflex", ยานยนต์และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องภายใต้แบรนด์ "Aeroklas" ล้วนขยายตัวมากขึ้น
สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานงวดบัญชีปี 2566 (เม.ย.65-มี.ค.66) ทาง EPG ประเมินว่ารายได้คงจะเติบโตตามเป้าที่วางไว้ 12-15% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ราว 1.18 หมื่นล้านบาท ผลมาจากธุรกิจทั้งในส่วนต่างๆ ทั้งกลุ่มวัสดุก่อสร้าง, กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และบรรจุภัณฑ์อาหารเติบโตได้ดียิ่งขึ้น หลังบริษัทได้มีการทำตลาดเพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่มเติม
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนทุ่มงบลงทุนประมาณ 952 ล้านบาท รองรับการเสริมศักยภาพการดำเนินงานธุรกิจต่างๆ ในช่วงงวดปีบัญชี 2566-2568 (เม.ย.65-มี.ค.68) แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้างภายใต้แบรนด์ "Aeroflex" อยู่ที่ 332 ล้านบาท, กลุ่มธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องภายใต้แบรนด์ "Aeroklas" อยู่ที่ 422 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการลงทุนในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหาร "EPP" หวังสร้างยอดขายเพิ่มเติมและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในอนาคตให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งยังมีแนวทางทำตลาดและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนอัตราการเติบโตในอนาคตอีกทางหนึ่ง
*ไตรมาส 2/66 ฟื้นตัวชัด
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุถึง EPG ว่า ยังคงแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 13.00 บาท จากเดิม 14.20 บาท เนื่องจากมีการปรับกำไรลดลง สำหรับไตรมาส 1/2566 (เม.ย.-มิ.ย.65) คาดจะมีกำไรสุทธิ 350 ล้านบาท -22% YoY, +4% QoQ โดยรวมยังฟื้นตัวช้า โดยกำไรลดลงYoY จาก Aeroklas ที่ชะลอตัวเนื่องจากอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนโมเดลรถกระบะหลายรุ่นและยังมีปัญหาขาดแคลนชิป ทำให้คำสั่งซื้อชะลอตัวขณะที่ดีขึ้นเล็กน้อย QoQ จาก Aeroflex และ EPP ที่ดีขึ้นช่วยชดเชยธุรกิจ Aeroklas ที่อยู่ในช่วง Low Season ได้
ขณะที่ยังประเมินไตรมาส 2/2566จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ชัดเจนมากขึ้น จาก 1.Aeroklas ที่จะเติบโตดีขึ้นมาก จากการเริ่มรับรู้กำไรจากบริษัทย่อยใหม่ 4Way ราวไตรมาสละ 40 ล้านบาท, เริ่มรับรู้คำสั่งซื้อใหม่หลายรายการทั้งจากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นและสหรัฐ, บริษัทร่วมทุน Far Aero จะเริ่มผลิตโดยจะมีส่วนแบ่งกำไรราวไตรมาสละ 10 ล้านบาท 2. Aeroflex จะดีขึ้นต่อเนื่อง จากตลาด US ที่มีกำลังการผลิตใหม่ และการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ได้เพิ่มขึ้น และ3.EPP จะฟื้นตัวต่อเนื่องจากการเปิดเมือง-เปิดประเทศ ทำให้ความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ยังแนะนำ “ซื้อ” จาก 1.EPG สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีทั้งการจัดซื้อวัตถุดิบล่วงหน้า, การปรับราคาขายขึ้นได้ และ u-rate ที่ดีขึ้น ทำให้ GPM ยังทรงตัวได้ 2.กำไรที่จะกลับมาฟื้นตัวชัดเจนในไตรมาส 2/2566 จากทั้ง 3 ธุรกิจหลัก โดย ปี 2566-2567 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง3.Valuation ปัจจุบันน่าสนใจเทรด PER ปี 2566 ที่ 15.1 เท่า คิดเป็น -1.0SD