ปี 2569 EV จีนโตชะลอ-สงครามราคาไม่จบ

ข้อมูลจากสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของจีน ระบุว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในปี 2568 ชะลอตัวลง โดยระหว่างเดือนมกราคม-พฤศจิกายน “เทสลา” (Tesla) ค่ายรถรายใหญ่จากสหรัฐฯ มียอดขายลดลงร้อยละ 7.4 จากปีที่แล้ว ส่วน BYD ผู้ผลิตรถรายใหญ่ของจีนก็รายงานยอดขายลดลงร้อยละ 5.1 

ยอดขายรถของ BYD เฉพาะในเดือนพฤศจิกายนเพียงเดือนเดียวลดลงถึงร้อยละ 26.5 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่คู่แข่งรายใหม่ ๆ รวมถึงรถยนต์ที่ใช้ซอฟต์แวร์ของ “หัวเว่ย” (Huawei) และรถของ “เสียวหมี่” (Xiaomi) กลับมียอดขายเติบโตมากกว่าร้อยละ 90 ในช่วงเวลาเดียวกัน

บริษัทสตาร์ตอัปรถ EV ของจีน 3 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ได้แก่ นีโอ (Nio), เอ็กซ์เผิง (Xpeng) และหลี่ ออโต้ (Li Auto) กลับไม่ติด 10 อันดับแรกรถยนต์ขายดีประจำเดือน แม้ว่ายอดส่งมอบรายเดือนจะดีขึ้นก็ตาม

“เซียว เฟิง” หัวหน้าฝ่ายวิจัยอุตสาหกรรมจีนของ Citic CLSA ระบุว่า การกระจุกตัวของส่วนแบ่งตลาดรถยนต์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ปัจจุบัน ผู้ผลิตรถยนต์ 10 อันดับแรกครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ในจีน ซึ่งนับรวมทั้งรถ EV ที่ใช้แบตเตอรี่อย่างเดียวและรถไฮบริด คิดเป็นร้อยละ 95 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 60-70 เมื่อ 2-3 ปีก่อน 

เขามองว่า น่าจะมีการควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมมากขึ้น แม้ว่าราคาจะมีความสำคัญมากกว่าแบรนด์ แต่ผู้บริโภคก็ไม่นิยมซื้อรถยนต์ที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน

ด้าน “พอล กง” หัวหน้าฝ่ายวิจัยรถยนต์จีนของ UBS ประเมินว่า สงครามราคาจะดำเนินต่อไปอีกหลายปี ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในจีนจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตในปี 2569

โดยรัฐบาลจีนน่าจะจะกลับมาเก็บภาษีรถยนต์อีกครั้ง พร้อมกับลดเงินอุดหนุนการซื้อรถยนต์มือสองลง UBS คาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของยอดขายรถ EV ในจีนปีหน้าจะลดลงครึ่งหนึ่ง จากประมาณร้อยละ 20 ในปีนี้