รีเซต

ชาวบ้านร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซ่อมแซมแพริมแม่น้ำแม่กลอง หลังใช้ประโยชน์ไม่ได้มากว่า 3 ปี

ชาวบ้านร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซ่อมแซมแพริมแม่น้ำแม่กลอง หลังใช้ประโยชน์ไม่ได้มากว่า 3 ปี
มติชน
30 มีนาคม 2565 ( 09:35 )
35

วันที่ 30 มี.ค.65 ชาวบ้านหมู่ที่ 5 ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูแพลักษณะค่อนข้างใหญ่มุงหลังคาสีส้ม ยื่นออกไปบริเวณริมแม่น้ำแม่กลอง บริเวณท่าน้ำตลาด 119 ปี ต.เจ็ดเสมียน ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่มีประวัติความเป็นมายาวนาน ที่เคยมีการจัดงานมาอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันได้เกิดการชำรุดทรุดโทรม บริเวณแพเอียงทรุดใช้การไม่ได้ เสาเอียงแช่จมน้ำ ราวสะพานมีต้นไม้วัชพืชขึ้นปกคลุม ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดำเนินการซ่อมแซมและปรับปรุงดูแล

 

นายอัฐพงศ์ วสุรัตน์สกุล ชาวบ้าน เปิดเผยว่า แพดังกล่าวมีไว้จัดงานช่วงเทศกาลประเพณีลอยกระทงและงานสำคัญด้านการท่องเที่ยว แพนี้ถูกจมลงเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ชาวบ้านอยากให้นำขึ้นมาเหมือนเดิม เพราะเป็นงบที่จัดสรรโดยหลวงมาแล้วสมควรจะรักษาไว้ แม้ว่าเกิดชำรุดก็น่าจะซ่อมบำรุงรักษาให้ใช้งานได้ เพื่อประโยชน์สาธารณะของพื้นที่ ชาวบ้านได้ประโยชน์คือช่วงงานประเพณีลอยกระทงจะมีนักท่องเที่ยวชาวบ้านเข้ามาเที่ยวตลาด 119 ปี ให้เกิดความคึกคัก ก่อนหน้านี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ขาดสาย แต่มาเกิดช่วงปัญหาโควิด -19 ทำให้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนไป สมควรที่จะอนุรักษ์ไว้ อยากให้หน่วยงานนำอุปกรณ์ใช้รอกดึงแพขึ้นทั้ง 4 ด้าน และซ่อมแซมทุ่นที่บริเวณแพให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม จะเป็นประโยชน์กับชาวบ้านในพื้นที่

 

ด้านนายเทวัญ ห่วงตระกูล นายกเทศมนตรีตำบลเจ็ดเสมียน กล่าวว่า เนื่องจากแพที่จมน้ำไม่อยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาล แต่เป็นความรับผิดชอบของโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดราชบุรี ครั้งแรกที่เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลเจ็ดเสมียน ทางเทศบาลเคยทำหนังสือตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2564 แจ้งไปที่ท่องเที่ยวจังหวัด เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นแพของท่องเที่ยวจังหวัด และมาทราบภายหลังว่าแพนี้เป็นของโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด จึงทำหนังสือไปอีกเมื่อ 2 มีนาคม 2565 ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับทางโยธาฯว่าจะให้ทางเทศบาลทำอย่างไร ซึ่งแพหลังนี้เป็นสมบัติของหน่วยงานโยธาฯ อยู่เหนือความรับผิดชอบของตำบลเจ็ดเสมียนที่จะเข้าไปแก้ไขและกู้แพขึ้นมาซ่อมแซมปรับปรุง ซึ่งเทศบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจอยากปรับปรุงแพหลังนี้ให้ดีขึ้น อยากให้ชาวบ้านในพื้นที่รับทราบข้อมูลเรื่องดังกล่าว ถึงการอยู่ระหว่างดำเนินการให้ผู้เกี่ยวข้องมารับผิดชอบว่าจะมีแนวทางอย่างไรได้ต่อไปในอนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง