สะเทือนลูกค้า! ดิสนีย์ขึ้นราคา Disney+ ท่ามกลางวิกฤตศึกสตรีมมิ่ง

The Walt Disney Company ตัดสินใจประกาศขึ้นราคาบริการสตรีมมิ่ง Disney+ อีกครั้ง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคมนี้ โดยแผนการใช้งานแบบมีโฆษณาจะเพิ่มจากเดือนละ 10 ดอลลาร์สหรัฐเป็น 12 ดอลลาร์ ขณะที่แบบไม่มีโฆษณาขยับจาก 16 ดอลลาร์เป็น 19 ดอลลาร์ ส่วนแพ็กเกจรายปีแบบไม่มีโฆษณาเพิ่มจาก 160 ดอลลาร์เป็น 190 ดอลลาร์ หรือประมาณ 6,000 บาท

ไม่เพียงแต่ Disney+ เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แพลตฟอร์มในเครืออย่าง Hulu และ ESPN Select รวมถึง Hulu + Live TV และแพ็กเกจรวมบริการสตรีมมิ่งทั้งสามก็จะปรับขึ้นราคาเช่นกัน ขณะที่แพ็กเกจรวม Disney+ และ Hulu กับ HBO Max ของ Warner Bros. Discovery ก็จะเพิ่มขึ้นอีกราวร้อยละ 17.6

นี่ถือเป็นการปรับขึ้นราคาติดต่อกันเกือบทุกปี ตั้งแต่ปี 2022 และแม้ธุรกิจสตรีมมิ่งของดิสนีย์เพิ่งเริ่มทำกำไรได้เมื่อไตรมาส 3 ปี 2024 แต่ลูกค้าก็เริ่มตั้งคำถามต่อความคุ้มค่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่บริษัทกำลังเผชิญวิกฤตศรัทธา

สถานการณ์ตึงเครียดทวีความร้อนแรง เมื่อดิสนีย์ประกาศยกเลิกการออกอากาศรายการ Jimmy Kimmel Live! ทางช่อง ABC หลังพิธีกรชื่อดังกล่าวถึงคดีฆาตกรรมที่โยงการเมือง ทำให้คณะกรรมการสื่อสารแห่งชาติสหรัฐฯ (FCC) และเครือข่ายสถานีท้องถิ่นออกมาแสดงความไม่พอใจ การตัดสินใจดังกล่าวจุดชนวนให้เกิดกระแสต่อต้าน ดิสนีย์ถูกกล่าวหาว่าลิดรอนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

ในความเป็นจริง แผนขึ้นราคาน่าจะวางไว้ก่อนเกิดวิกฤต Kimmel แต่การเลือกเวลาเช่นนี้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ และสร้างภาพลักษณ์เชิงลบที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจต่ออายุสมาชิกของลูกค้าทั่วโลก

ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงโจทย์ใหญ่ของดิสนีย์ ในการรักษาสมดุลระหว่างกลยุทธ์ธุรกิจที่มุ่งสร้างผลกำไร กับความไว้วางใจและความศรัทธาของผู้บริโภค ที่กำลังสั่นคลอนอย่างหนักในห้วงเวลานี้