ออกหมายจับ 'ปู่เขย' สุดโฉด ย่ำยีหลาน 6 ขวบนาน 7 ปี ย่าพาหนี คลั่งเชือดแมว-ขู่กราดยิง
ปวีณา ประสาน ผบช.ภ.6 จับ ปู่เขย ข่มขืน ด.ญ.เอ ล่วงละเมิดทางเพศตั้งแต่ 6 ขวบ นาน 7 ปี ตำรวจออกหมายจับวันนี้ ญาติและเหยื่อค้านประกันตัว
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 29 ตุลาคม ปวีณา หงสกุล พร้อมย่าแท้ๆ และ ด.ญ.เอ เดินทางไปที่ สภ.เมืองพิจิตร เพื่อคัดค้านการประกันตัว กรณี ปู่เขย ข่มขืน ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) วัย 13 ปี ล่วงละเมิดทางเพศตั้งแต่ 6 ขวบ เปิดหนังโป๊ให้ดูทุกวัน กอด จูบ ลูบคลำ ล่วงละเมิดทางเพศ บอกเป็นการแสดงความรักต่อหลานเป็นเวลา 7 ปี
10 กรกฎาคม ปู่เขย วางยาเด็กโดยให้เด็กดื่มน้ำอัดลมเด็กหลับตื่นมาเจ็บอวัยวะเพศ เด็กจึงไปบอกย่าแต่ย่าไม่เชื่อ ต่อมาเด็กไปเปิดโทรศัพท์มือถือของปู่เขยเจอรูปภาพเปลือยของตนเองและมีน้ำอสุจิที่อวัยวะเพศ จึงได้ส่งภาพดังกล่าวไปให้ย่าแท้ๆซึ่งอยู่อีกจังหวัดหนึ่งดู
วันรุ่งขึ้น 19 สิงหาคม ย่าจึงได้มารับเด็กพาเด็กเข้าแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ต่อมาปู่เขยรู้ตัวจะถูกดำเนินคดีได้ส่งข้อความแชทตามรังความ ขู่ฆ่า จะเผาบ้าน จนย่าแท้ๆต้องพาหนีมาอาศัยอยู่กับเพื่อนย่าที่ จ.นนทบุรี แต่เรื่องไม่จบ ปู่เขย ยังพร่ำเพ้อ ส่งข้อความแชทมาไม่หยุด
28 ตุลาคม ด.ญ.เอ ทนไม่ไหวโทรศัพท์มาร้องไห้กับ ปวีณา ว่าทนไม่ไหวแล้ว ขอให้ช่วยหนูด้วยหนูกลัว จากนั้น นางปวีณา ได้ให้ ย่าแท้ๆพา ด.ญ.เอ มาพบที่มูลนิธิปวีณาฯทันที
ทั้งนี้ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) เล่าว่าเวลาอยู่บ้านพี่สาวย่า จะนอนรวมกัน 3 คน ช่วงอายุ 6 ขวบ นายหนึ่งมักจะเปิดหนังโป๊ให้ดูเป็นประจำ และกอด จูบ ลูบ คลำ และล่วงละเมิดทางเพศในห้องน้ำ อ้างว่าเป็นการแสดงความรักของปู่ที่มีต่อหลาน และนอกจากนี้ยังมีหลานสาวของพี่สาวย่า อายุ 8 ปี และ อายุ 10 ปี ก็ถูกกระทำด้วย แต่เมื่อเด็กๆ ไปบอกพี่สาวย่ากลับไม่เชื่อแถมยังหาว่าเด็กๆ กุเรื่องใส่ร้ายสามีตนเอง จนเด็กๆไม่กล้าพูดเรื่องนี้อีก
ย่าแท้ๆ กล่าวอีกว่า มารู้เรื่องก็ตอนที่ ด.ญ.เอ หนีออกจากบ้านเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ก่อนที่จะตามตัวเจอ โดย ด.ญ.เอ บอกว่าที่ผ่านมาได้บอกกับย่าแต่ย่าไม่เชื่อ จึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพราะนายหนึ่งได้ล่วงละเมิดทางเพศ ตอนอาบน้ำและข่มขู่ห้ามบอกใคร
กระทั่งช่วงเดือน กรกฎาคม ขณะที่พี่สาวย่าแท้ๆ ไม่อยู่บ้าน นายหนึ่งได้เอาน้ำอัดลมมาให้ดื่มก่อนจะหลับไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อตื่นมารู้สึกเจ็บที่อวัยวะเพศ และเสื้อผ้าหลุดรุ่ย ขณะที่นายหนึ่งก็กำลังใส่เสื้อผ้าอยู่กลัวว่าจะไปบอกใครไม่มีใครเชื่ออีก
จนวันที่ 26 สิงหาคม น้องเอ ได้หยิบโทรศัพท์มือถือของนายหนึ่งมาเล่นก็เข้าไปเห็นรูปในมือถือซึ่งเป็นรูปอวัยวะเพศหญิง และคราบอสุจิซึ่งน้องเอ จำเสื้อผ้าได้ชัดเจนว่าเป็นตนเอง จึงได้ส่งรูปไปให้ย่าแท้ๆ ที่อยู่ต่างจังหวัดดู
จากนั้น ย่าได้พาน้องเอไปแจ้งความที่ สภ.เมืองพิจิตร ตำรวจได้ส่งตัวเด็กไปตรวจร่างกายและสอบ สหวิชาชีพ เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ปู่รู้ว่าถูกแจ้งความจับก็ได้แชตเฟสบุ๊กมาหาน้องเอทำนองตามง้อเมีย และขู่ฆ่าถ้าไม่กลับไป อีกทั้งจะตามไปเผาบ้านและฆ่าแมวตัวโปรด ย่าเกรงจะไม่ปลอดภัยจึงต้องพาน้องเอหนีไปอยู่บ้านเพื่อนที่ต่างจังหวัด และขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯช่วยติดตามทางด้านคดี
หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พ.ต.อ. อนุพันธุ์ สุสม ผกก.สภ.เมืองพิจิตร ช่วยติดตามทางด้านคดี และออกหมายจับผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากเกรงว่าเด็กจะไม่ปลอดภัย
ต่อมาหลังจากน้องเอและย่า กลับจากมูลนิธิปวีณาฯไปไม่นาน น้องเอ โทรศัพท์ร้องไห้สะอึกสะอื้นกับนางปวีณาฯ บอกว่าหนูเสียใจมาก แมวตัวโปรดของหนูถูกฆ่าตายแล้ว ปู่ฆ่าตายแล้ว เขาส่งรูปศพแมวมาให้ดู พร้อมข้อความว่า กูคนจริงทำจริง
นางปวีณา ได้ปลอบใจน้องเอจนคลายความเศร้าลง และยังส่งข้อความแชตมาหาน้องเอว่า “มึงคือเมียกู มึงกลับมากูจะเอามึงให้ตาย กูจะเอามึงก่อนแล้วฆ่ามึง แล้วเราจะตายไปด้วยกัน และก็ยังขู่ว่ารู้ที่อยู่แล้ว กูจะกราดยิงแบบเด็กๆ กูอยากดัง”
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พล.ต.ท.อัครเดช พิมลศรี ผบช.ภ.6 มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุรชาติ จึงดำรงค์กิจ รอง ผบช. ภ.6 และ พล.ต.ต.กำธร จันที ผบก.จ.พิจิตร และ พ.ต.อ.อนุพันธุ์ สุสม ผกก.สภ.เมืองพิจิตร เพื่อติดตามคดีออกหมายจับและคัดค้านการประกันตัว
นางปวีณา จะเดินทางพาน้องเอและย่าไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองพิจิตร โดย พ.ต.อ.อนุพันธุ์ สุสม ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ไพรัช เสนามาตย์ สว.สส. ออกหมายจับแล้ววันนี้ ตำรวจจะคัดค้านการประกันตัวเกรงว่าจะไปก่อความวุ่นวายขู่ฆ่าเด็ก โดยมูลนิธิปวีณาฯจะร่วมกับตำรวจติดตามคดี ให้ได้รับความเป็นธรรม
โดยในวันนี้ เวลา 16.30 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ พร้อมพล.ต.ต.กำธร จันที ผบก.จ.พิจิตร ,นายวิมาน สุขขวัญ ปลัด อ.เมือง จ.พิจิตร ,และน.ส.จิราพร คำพุฒ พมจ.จ.พิจิตร เข้าร่วมประชุมหารือร่วมกัน