โหมงานหนักทั้งวันทั้งคืน งัดร่างแม่ลูกดับคาซาก วูบหลับในชนต้นไม้ ทิ้งลูกน้อยที่เพิ่งคลอด
สลด 2 แม่ลูกขับรถจากบุรีรัมย์ จะไปขายปลาทูต่างอำเภอ เสียหลักพุ่งอัดก๊อปปี้ต้นไม้ข้างทางดับทั้งคู่ คาดคาดหลับใน เพราะลูกชายโหมงานหนัก สลดทิ้งลูกน้อยเพิ่งคลอด
เมื่อวันที่ 22 มี.ค.65 ร.ต.อ.ชัยรัตน์ บุญชู รอง สว. (สอบสวน) สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์ชนต้นไม้ มีผู้เสียชีวิตคาที่ 2 ราย เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา จึงประสานตำรวจจราจร พร้อมหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมจุดอำเภอเฉลิมพระเกียรติ และจุดประโคนชัย รวมถึงหน่วยกู้ภัยบ้านสองเมือง ร่วมตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นถนนสายประโคนชัย-นางรอง ก่อนถึงแยกตะโก ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นเขตรับผิดชอบของ สภ.เฉลิมพระเกียรติ พบรถสี่ล้อใหญ่แบบตู้ทึบ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน บษ-3196 บุรีรัมย์ ในสภาพชนอัดก๊อปปี้กับต้นไม้ข้างทาง
ตรวจสอบพบผู้ร่างคนขับ ทราบชื่อคือ นายปัญญาสิทธ์ นิลทะราช อายุ 31 ปี เสียชีวิตติดคาซาก หน่วยกู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่างเพื่องัดร่างคนขับออกจากซากรถ โดยใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง
ทั้งนี้ยังพบศพนางปริญญา นิลทะราช อายุ 57 ปี เสียชีวิตอยู่ข้างตัวรถ ในสภาพศีรษะยุบ เนื่องจากกระเด็นออกจากตัวรถ และคาดว่าผู้เสียชีวิตทั้งคู่เป็นแม่ลูกกัน
จากการตรวจสอบพบเงินสดและเหรียญกระจัดกระจายอยู่ตามพื้น ต้นไม้หักขาดครึ่งทะลุกระจกด้านหน้า จึงสันนิษฐานว่าคนขับอาจจะหลับใน จนทำให้รถเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทางจนรถพังเสียหายและเป็นเหตุให้ทั้ง 2 แม่ลูกเสียชีวิต
ต่อมานายจตุรงค์ โพธิ์ไพ อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นหลานของผู้เสียชีวิตเดินทางมาดูที่เกิดเหตุ เล่าว่า 2 แม่ลูกเดินทางมาจากตัวเมืองบุรีรัมย์ จะไปขายปลาทูที่ตลาดสดนางรอง ซึ่งปกติทุกวันจะไปถึงตลาดประมาณตี 2 แต่เมื่อคืนไม่เห็น 2 แม่ลูกมาถึงตลาดสักที จึงโทรศัพท์เข้าเบอร์ของนายปัญญาสิทธิ์ คนขับซึ่งเป็นลูกชายของนางปริญญา แทบช็อกเพราะคนที่รับสายเป็นเจ้าหน้าที่กูัภัย แล้วบอกว่ารถประสบอุบัติเหตุและทั้งคู่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
ตนจึงรีบเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ ส่วนตัวคิดว่าคนขับน่าจะหลับใน เพราะพักผ่อนไม่เต็มที่ เนื่องจากตอนกลางวันก็ขายกาแฟ กลางคืนมาขับรถให้แม่อีก เพราะคนขับรถประจำถูกกักตัวโควิด ก็สงสารน้องที่เป็นคนขับมาก เพราะเพิ่งจะมีลูกน้อยอายุยังไม่ถึงขวบ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจให้หน่วยกู้ภัยฯ นำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน ส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ ก่อนจะมอบให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประพิธีทางศาสนาต่อไป