กรุงศรีฯ คัดหุ้นเด่น BCH, MTC, GULF - แนะ KBank, KTB, TRUE น่าสะสม

คุณฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรี วิเคราะห์ผ่านรายการ WEALTH LIVE (28 พ.ค. 68) ว่า ตลาดหุ้นไทย (SET Index) น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังจากไม่ทำ New Low และสามารถ Break แนว Neckline สำคัญขึ้นมาได้ ปัจจัยลบเรื่อง Trade War และการปรับลด GDP ได้สะท้อนในราคาไปมากแล้ว แนะกลยุทธ์ Selective Buy โดยวันนี้ (28 พ.ค.) บล.กรุงศรี คัดหุ้น Top 3 คือ MTC, GULF, และ BCH พร้อมชี้เป้าหุ้นน่าลงทุนในกลุ่มโรงพยาบาล, ธนาคาร, ICT และไฟแนนซ์ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีโอกาสเติบโต
SET Index ผ่านจุดต่ำสุด - Technical หนุน - ปัจจัยลบรับรู้แล้ว
คุณฐกฤตให้ความเห็นว่า สัญญาณทางเทคนิคของ SET Index ดูดีขึ้น โดยดัชนีไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ (New Low) หลังจากทะลุแนว Neckline บริเวณ 1,190 จุด (+/-) ขึ้นมา และสามารถยก High ยก Low พร้อมเกาะเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้ เหล่านี้เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าตลาดน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หากไม่มีปัจจัยลบใหม่ๆ ที่รุนแรงเข้ามา
"ผมมองว่า ณ ปัจจุบัน ประเมินจากภาพทางเทคนิคแล้วก็องค์ประกอบทางปัจจัยพื้นฐาน...กรณีที่เลวร้ายที่สุดมันผ่านไปแล้วนะ...ถ้าไม่ได้มีอะไรผิดไปจากปัจจุบัน ผมว่าอันนี้ก็ Confirm มุมมองโอกาสการผ่านจุดต่ำสุดครับ" คุณฐกฤตกล่าว
แม้จะมีการปรับลดประมาณการ GDP ไทยจากหลายสำนัก และอาจส่งผลกระทบต่อกำไรบริษัทจดทะเบียนโดยรวม แต่เชื่อว่าตลาดได้รับรู้ปัจจัยลบเหล่านี้ไปในราคาหุ้นพอสมควรแล้ว ส่วนผลประกอบการไตรมาส 1/68 ที่ออกมาโดยรวมถือว่าใช้ได้ บางตัวดีกว่าคาด
กลยุทธ์: Selective Buy - หุ้นเด่นน่าลงทุน
แม้ดัชนีจะฟื้นตัวขึ้นมา แต่คุณฐกฤตแนะให้ Selective Buy เลือกหุ้นเป็นรายตัว โดยเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะและผลประกอบการมีแนวโน้มดี:
บล.กรุงศรี Top 3 Picks (วันนี้ 28 พ.ค.):
- MTC (เมืองไทย แคปปิตอล): ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง (Bond Yield สหรัฐฯ เริ่มชะลอตัว) แนวรับ 41 บาท และ 41.75 บาท แนวต้านระยะสั้น 45 บาท และถัดไป 46.75 บาท
- GULF (กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์): (เป็นหุ้นที่ถูกกล่าวถึงในกลุ่ม Top Picks ของวัน)
- BCH (บางกอก เชน ฮอสปิทอล / รพ.เกษมราษฎร์):(Top Pick กลุ่มโรงพยาบาล)
- ปัจจัยหนุน: กำไร Q1/68 ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว คาดครึ่งปีหลังโตเป็นขั้นบันได, การระบาดของโควิด-19 รอบใหม่, เข้าสู่ฤดูฝนคนป่วยมากขึ้น
หุ้นน่าสนใจอื่นๆ:
- กลุ่มโรงพยาบาล:
- CHG (รพ.จุฬารัตน์): เริ่มเห็นสัญญาณกลับตัว แต่ยังไม่ยืนยันขาขึ้น ต้องผ่าน 1.60 บาท (บล.กรุงศรีชอบ BCH มากกว่า)
- BDMS (รพ.กรุงเทพ): หากเทียบโรงพยาบาลใหญ่ ชอบ BDMS มากกว่า BH แม้ได้รับผลกระทบจากผู้ป่วยตะวันออกกลางลดลง แต่เริ่มเห็นฐานราคา หากไม่ต่ำกว่า 21.3 บาท มีโอกาสเก็งกำไรขึ้นไปที่ ~23 บาท และ 24.75 บาท
- กลุ่มที่ Fund Flow ต่างชาติมักเข้าซื้อ:
- ธนาคารพาณิชย์ (KBank, KTB): มีปันผลเป็นจุดเด่นและเป็นเป้าหมายของ Fund Flow
- ICT (TRUE): (Top Pick กลุ่ม ICT) ยังมีมุมมองเชิงบวก
- กลุ่มโรงพยาบาล:
ภาพรวมสินทรัพย์อื่น และปัจจัยท้ายเดือน
- ค่าเงินบาท: ระยะสั้นแกว่งตัวลง (แข็งค่า) แนวรับ 32.3 บาท หากหลุดมีโอกาสไป 32.0 และ 31.5 บาทตามลำดับ ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทอาจกดดันกลุ่มส่งออกใน Q2
- ทองคำ: หากหลุด 3,200 ดอลลาร์ฯ จะยืนยันรูปแบบ Double Top มีโอกาสย่อลงทดสอบ Low เดิมที่ 3,121 ดอลลาร์ฯ แนวต้านใหญ่ 3,499-3,500 ดอลลาร์ฯ มองมีโอกาสเล่นฝั่งลงมากกว่า
- Bitcoin (BTC): หากจะยืนยันขาขึ้นรอบใหม่ ต้องทำ New High เหนือ 112,345 ดอลลาร์ฯ และยืนให้ได้ ตราบใดที่ยังยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน (ปัจจุบัน ~107,000 ดอลลาร์ฯ) ยัง Run Trend ได้ หากหลุดอาจต้องทยอย Lock Profit
คุณฐกฤตทิ้งท้ายว่า ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ตลาดอาจมีความผันผวนรอปัจจัยการเมืองและเรื่องงบประมาณปี 2569 (วาระ 1) อาจเห็นการหมุนกลุ่มเล่นมายังหุ้นที่ยัง Laggard แต่โดยรวมแนะให้เน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและพื้นฐานดี