สู้ชีวิต ! Apple Watch Ultra ปะทะกับค้อน สรุปโต๊ะบุบก่อนนาฬิกา !
ทันทีที่แอปเปิล (Apple) เปิดตัวแอปเปิล วอตช์ อัลตรา (Apple Watch Ultra) วงการสมาร์ตวอตช์ (Smartwatch) สายถึกนั้นสะเทือนไปถึงการ์มิน (Garmin) ต้องออกมารับน้องในเรื่องประสิทธิภาพแบตเตอรี่ อย่างไรก็ตาม การที่แอปเปิล (Apple) เคลมว่าแอปเปิล วอตช์ อัลตรา (Apple Watch Ultra) นั้นทนที่สุดเท่าที่แอปเปิล (Apple) เคยทำมานั้นก็ทำให้ผู้คนสงสัยว่าทนทานนั้นทนแค่ไหน ช่องเทคแรกซ์ (TechRax) ช่องดังบนยูทูบ (YouTube) ที่เน้นการพิสูจน์ความทนของผลิตภัณฑ์แอปเปิล (Apple) นั้นก็ได้ใช้พลังค้อนทดสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แอปเปิล วอตช์ อัลตรา (Apple Watch Ultra) ระบุว่าผ่านการทดสอบตามมาตรฐานทางการทหาร MIL-STD 810H ซึ่งเคลมว่าสามารถทนแรงกระแทก ทนความร้อนสูงและทนสภาพอากาศหนาวจัดได้ กันรอยขีดข่วนด้วยกรอบแบบไทเทเนียม พร้อมหน้าจอแซฟไฟร์ แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นการระบุตามตัวอักษรเท่านั้น
Apple Watch Ultra ถูกพิสูจน์ความทนด้วยวิธีพิสดาร
ช่องเทคแรกซ์ (TechRax) ได้นำแอปเปิล วอตช์ อัลตรา (Apple Watch Ultra) มาทดสอบตั้งแต่การปล่อยตก (Drop Test) กับพื้นที่ระยะปล่อยจากแขนผู้ทดสอบ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ระบุความสูงอย่างชัดเจน แต่ต้องมีความสูงเกินกว่า 1 เมตร เมื่อเป็นการปล่อยจากมือในแนวตั้งฉากกับพื้น พบว่าแอปเปิล วอตช์ อัลตรา (Apple Watch Ultra) ไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ ต่อมาผู้ทดสอบได้นำไปเขย่าในกล่องที่เต็มไปด้วยตะปูเพื่อจำลองสภาพการตกพื้นหินระหว่างการปีนเขา พบว่านาฬิกานั้นก็ยังคงทำงานได้ตามปกติแม้ว่าจะมีรอยข่วนเล็ก ๆ ที่กรอบล้อมรอบตัวเรือนอยู่บ้าง
แต่การทดสอบที่สำคัญที่สุดก็คือการใช้ค้อนทุบแอปเปิล วอตช์ อัลตรา (Apple Watch Ultra) หลังจากทุบด้วยค้อนครั้งแรกก็พบว่าตัวเรือนยังคงทำงานได้ตามปกติ ผู้ทดสอบยังได้ทำการทุบซ้ำอีก 2 - 3 ครั้ง ก็พบว่าพื้นโต๊ะที่ใช้รองตัวนาฬิกามีรอยบุบยุบลงไป จนถึงการทุบครั้งที่ 9 ที่สุดท้ายก็พบว่าแอปเปิล วอตช์ อัลตรา (Apple Watch Ultra) หยุดการทำงานโดยที่หน้าจอดับและไม่มีการตอบสนองกับปุ่มสั่งการใด ๆ อีก ซึ่งแสดงถึงความทนทานภายใต้การทดสอบที่แหวกแนวได้เป็นอย่างดี
แอปเปิล วอตช์ อัลตรา (Apple Watch Ultra) วางจำหน่ายในไทยแล้วในตอนนี้ โดยเปิดราคาขายอยู่ที่ 31,900 บาท ขนาดตัวเรือน 49 มิลลิเมตร รองรับการใช้งานเครือข่าย 5G และระบบตรวจจับการชนและการโทรฉุกเฉินด้วยเช่นกัน
ที่มาข้อมูล MacRumors
ที่มารูปภาพ TechRax via Youtube