กองปราบชี้ช่องลูกค้าเอี่ยว 'เราเที่ยวด้วยกัน' คืนเงินฉ้อโกงยอมความได้ แต่เจ้าของโรงแรมอ่วม
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ กรณีตำรวจกองปราบปรามดำเนินการตรวจสอบเอาผิดโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ที่ทุจริตฉ้อโกงเงินของรัฐจากโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน จนนำไปสู่ปฏิบัติการกระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 55 จุด ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ และ จ.ภูเก็ต สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 50 ราย ก่อนเตรียมขยายผลเอาผิดไปยังประชาชนที่ร่วมโกงจำนวนมาก เฉพาะโรงแรมณัฐชญา รีสอร์ต จ.ชัยภูมิ พบผู้กระทำผิดกว่า 9,000 คน
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม (บก.ป.) กล่าวเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ว่า คณะทำงานสอบสวนได้ตั้งประเด็นการสอบปากคำให้กับตำรวจแต่ละท้องที่ไปสอบสวนประชาชนผู้ใช้สิทธิอาจเข้าข่ายกระทำผิดดังนี้คือ ได้ใช้สิทธิในโครงการเที่ยวด้วยกันหรือไม่ สมัครเข้าใช้สิทธิอย่างไร มีวิธีการสมัครอย่างไร ได้เข้าพักที่โรงแรมจริงตามสิทธิหรือไม่ ได้นำคูปองไปใช้สิทธิกับร้านค้า ร้านอาหาร หรือสถานที่ท่องเที่ยวหรือไม่ และนำไปใช้อย่างไร หากไม่ใช้สิทธิได้รับผลประโยชน์อย่างไร จำนวนเท่าใด และจะคืนเงินหรือไม่
พ.ต.อ.เอนกกล่าวว่า ระหว่างสอบสวนประชาชนที่ร่วมกระทำผิด คณะพนักงานสอบสวนกองปราบจะหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และธนาคารกรุงไทยว่า จะดำเนินการทางกฎหมายกับประชาชนกลุ่มนี้อย่างไร เนื่องจากความผิดในคดีดังกล่าวเป็นความผิดร่วมกันฉ้อโกง หากยอมคืนเงินฉ้อโกงก็สามารถยอมความได้ ต่างจากผู้กระทำผิดกลุ่มแรกเป็นผู้ประกอบการ โรงแรม ร้านค้า เจ้าของวอยเชอร์ต่างๆ ที่มีการกระทำผิดมากกว่าประชาชนทั่วไปหลายข้อหา
พ.ต.อ.เอนกกล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดียังพบว่า แผนประทุษกรรมในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ และ จ.ภูเก็ต ค่อนข้างแตกต่างกัน โดยในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ประชาชนที่ร่วมกระทำผิดจะได้รับเงินจากการขายสิทธิ อยู่ที่ประมาณ 500-1,500 บาท จากนั้นผู้ประกอบการโรงแรมก็นำสิทธิดังกล่าวไปเบิกเงินช่วยเหลือจากภาครัฐคิดเป็นคนละ 9,000 บาท ส่วนที่ จ.ภูเก็ต ผู้ประกอบการโรงแรมจะให้ประชาชนประมาณ 30-40 คน ที่จัดเตรียมไว้มาเที่ยวที่พักฟรีเพื่อทำให้ดูเหมือนว่ามีประชาชนมาใช้สิทธิจริง จากนั้นก็จะนำสิทธิของประชาชนที่มีผู้จัดหามาให้จำนวนนับร้อยคน ไปเบิกเงินกับภาครัฐ อัตราคนละ 3 หมื่นบาท