รับรอง “แถลงการณ์ร่วมกรุงเทพฯ” ประชุมนานาชาติต่อต้านสแกมเมอร์

การประชุมนานาชาติเพื่อต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ประสบผลสำเร็จในการกำหนดแนวทางปฏิบัติร่วมกัน และขยายความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ออก “แถลงการณ์ร่วมกรุงเทพฯ” ต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมไซเบอร์ และการหลอกลวงออนไลน์
นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงผลสำเร็จของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยหุ้นส่วนระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต (IC-GPOS) ณ โรงแรม InterContinental กรุงเทพฯ ว่าการประชุมที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง ในการร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ ระหว่างนานาชาติ ในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมไซเบอร์ และการหลอกลวงทางออนไลน์ รวมทั้งยังเป็นการเน้นย้ำอย่างชัดเจนถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องยกระดับจากความตระหนักรู้ ไปสู่การลงมือปฏิบัติ ตามแนวทางปฏิบัติ 6 ประการ (6 Action Points) ประกอบด้วย
ธำรงไว้ซึ่งความมุ่งมั่นทางการเมืองและการดำเนินการแบบบูรณาการทั้งองคาพยพของรัฐ ให้เป็นวาระแห่งชาติที่มีความสำคัญลำดับต้น ๆ
เสริมสร้างความเข้มแข็งในการบังคับใช้กฎหมายและความร่วมมือทางยุติธรรมข้ามพรมแดน ตั้งแต่ขั้นตอนการสืบสวนไปจนถึงการดำเนินคดี
ผลักดันแนวทางที่ยึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการค้ามนุษย์ ด้วยการเสริมสร้างมาตรการป้องกันเพื่อแยกแยะเหยื่อออกจาผู้กระทำความผิด โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เหยื่ออาจถูกบังคับให้ก่ออาชญากรรม
ต้องติดตามเส้นทางการเงิน กำกับดูแลการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล เช่น สกุลเงินคริปโตที่มักถูกใช้ในการโอนถ่ายผลประโยชน์ที่ผิดกฎหมาย สนับสนุนการสืบทรัพย์ การยึด และการเรียกคืนทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด
ทุกภาคส่วนต้องกระชับความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเพื่อให้เท่าทันเทคโนโลยีและทำลายระบบนิเวศของการหลอกลวง ตามแนวทางของเลขาธิการสหประชาชาติที่ว่า 'วิกฤตที่เคลื่อนที่เร็ว ย่อมต้องการการตอบสนองที่รวดเร็วเช่นกัน'
นอกเหนือจากการปราบปรามแล้ว ต้องร่วมกันป้องกันการตกเป็นเหยื่อ ผ่านความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชน เช่น ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีศักยภาพในการเสริมสร้างการคุ้มครองผู้ใช้งาน ตรวจสอบและตรวจจับรูปแบบการฉ้อโกงออนไลน์ เพื่อกำจัดเนื้อหาหลอกลวงและปรับปรุงกลไกการรายงานเหตุ
ด้วยแนวทางดังกล่าว จึงขอประกาศรับรอง 'แถลงการณ์ร่วมกรุงเทพฯ ค.ศ. 2025 โดยหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกเพื่อต่อต้านการหลอกลวงทางออนไลน์' (2025 Bangkok Joint Statement by the Global Partnership against Online Scams) เพื่อร่วมกันถึงความมุ่งมั่นทางการเมือง และเพื่อเป็นรากฐานที่ดีสำหรับความร่วมมือที่ต่อเนื่องภายใต้ความเป็นหุ้นส่วนนี้ โดยมีสาระสำคัญ คือทุกประเทศที่ร่วมการประชุมมีพันธสัญญาที่จะ ธำรงไว้ซึ่งความมุ่งมั่นทางการเมืองและธรรมาภิบาล โดยกำหนดให้การต่อต้านการหลอกลวงทางออนไลน์เป็นวาระสำคัญ และเสริมสร้างกฎหมายภายในประเทศและการตอบสนองเชิงปฏิบัติการให้สอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศ/ ยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศ ในด้านการบังคับใช้กฎหมาย การสืบสวน และการดำเนินคดี รวมถึงการรับรองการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวกรอง และพยานหลักฐานที่ทันท่วงที การเสริมสร้างขีดความสามารถด้านนิติวิทยาศาสตร์ดิจิทัล และการใช้กลไกการยึดทรัพย์เพื่อเรียกคืนผลประโยชน์จากอาชญากรรม และพิจารณาจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจระดับทวิภาคี ระดับภูมิภาค หรือข้ามภูมิภาค เสริมสร้างการคุ้มครองเหยื่อ โดยใช้แนวทางที่ยึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลางตลอดกระบวนการ/ พร้อมกันนี้ จะต้องส่งเสริมความตระหนักรู้ของสาธารณชนและการป้องกัน ผ่านแคมเปญรณรงค์ระดับโลก โดยดึงโซเชียลมีเดียและภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนการตรวจจับและต่อต้านการหลอกลวง และสุดท้าย คือการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกฯ" (Friends of the Global Partnership) เพื่อจัดตั้งจุดประสานงานระดับชาติ (National Focal Points)
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่าแถลงการณ์ร่วมนี้จะยังคงเปิดกว้างสำหรับการร่วมให้การสนับสนุน (Co-sponsorship) ในภายหลัง และย้ำว่าการประชุมในครั้งนี้ เป็นโอกาสที่ดีของไทยในการแสดงบทบาทนำ เพื่อส่งเสริมการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ กระชับความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อแก้ไขปัญหาในหลายมิติ นำไปสู่การป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ และทันต่อการใช้เทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วอย่างยิ่ง ป้องกันไม่ให้ประชาชนชาวไทยและประเทศอื่น ๆ ต้องตกเป็นผู้เสียหายของขบวนการอาชญากรรมเหล่านี้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
