รีเซต

รพ.กาซาวิกฤต 'ป่วยเพิ่ม-ขาดแคลนยา' ขณะปะทะเดือดกับอิสราเอล

รพ.กาซาวิกฤต 'ป่วยเพิ่ม-ขาดแคลนยา' ขณะปะทะเดือดกับอิสราเอล
Xinhua
17 พฤษภาคม 2564 ( 16:37 )
54
รพ.กาซาวิกฤต 'ป่วยเพิ่ม-ขาดแคลนยา' ขณะปะทะเดือดกับอิสราเอล

กาซา, 17 พ.ค. (ซินหัว) -- การโจมตีฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่องของอิสราเอล ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบรายและบาดเจ็บอีกมากกว่า 1,000 ราย ส่งผลให้โรงพยาบาลรัฐหลายแห่งในฉนวนกาซาตกอยู่ในภาวะวิกฤต เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน

 

 

โรงพยาบาลหลายแห่งในกาซาต้องทำงานภายใต้ภาวะฉุกเฉิน เพราะขาดศักยภาพด้านการรองรับผู้ป่วยรวมถึงยารักษาโรค เนื่องจากถูกอิสราเอลปิดล้อมอย่างเข้มงวดมานานเกือบ 15 ปี

 

 

ชิฟา เมดิคอล คอมเพลกซ์ โรงพยาบาลใหญ่ที่สุดซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของฉนวนกาซา มีรถพยาบาลและรถยนต์นำตัวผู้บาดเจ็บจากเหตุโจมตีของอิสราเอลมาส่งเพื่อรับการรักษาอย่างไม่ขาดสาย โดยมาวัน อบู ซาดา ผู้อำนวยการแผนกศัลยกรรมของโรงพยาบาล ระบุว่าโรงพยาบาลให้การรักษาชาวปาเลสไตน์ซึ่งเป็นเหยื่อนในเหตุโจมตีของอิสราเอลมากกว่าร้อยละ 50

 

 

"ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุโจมตีของอิสราเอล ส่วนใหญ่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เนื่องจากมีเศษสะเก็ดระเบิดฝังตามร่างกาย" ซาดากล่าว พร้อมเสริมว่าอาการบาดเจ็บเช่นนี้ทำให้เสียเลือดมากและเนื้อเยื่อฉีกขาดรุนแรง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดที่ซับซ้อน เขาระบุด้วยว่าผู้บาดเจ็บมากกว่าร้อยละ 25 เป็นเด็ก ซึ่งส่วนหนึ่งในนี้ต้องถูกตัดแขนหรือขาเนื่องจากได้รับบาดเจ็บรุนแรง

 

 

 

 

 

กระทรวงสาธารณสุขของปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ระบุว่าจำนวนชาวปาเลสไตน์ที่เสียชีวิตในฉนวนกาซานับตั้งแต่วันจันทร์ (10 พ.ค.) อยู่ที่ 188 รายแล้ว ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 55 ราย และผู้หญิง 33 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกมากกว่า 1,000 ราย

 

 

ช่วง 6 วันที่ผ่านมา การปะทะกันระหว่างอิสราเอลและกองกำลังที่นำโดยกลุ่มฮามาส (Hamas) ในฉนวนกาซาทวีความรุนแรงขึ้น ถือเป็นการปะทะที่รุนแรงที่สุดระหว่างสองฝ่ายนับตั้งแต่ปี 2014 โดยการปะทะที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้สร้างภาระงานให้แพทย์และเจ้าหน้าที่การแพทย์ชาวปาเลสไตน์ เนื่องจากต้องทำงานเพื่อช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บโดยไม่ได้หยุดพัก

 

 

อัชราฟ อัล-เกดรา โฆษกกระทรวงฯ กล่าวว่าการปะทะทางทหารที่รุนแรงขึ้นสร้างความกดดันต่อระบบสาธารณสุข ซึ่งเดิมทีก็ย่ำแย่อยู่แล้ว เพราะการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) รวมถึงการปิดล้อมฉนวนกาซาอย่างเข้มงวดของอิสราเอล

 

 

อัล-เกดรากล่าวว่าโรงพยาบาลหลายแห่งประสบปัญหาด้านศักยภาพในการรองรับผู้ป่วย การขาดแคลนยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยคลังยาของโรงพยาบาลหลายแห่ง ใช้ยาหมดไปแล้วถึง 256 ชนิด พร้อมกล่าวว่า "การโจมตีของอิสราเอลที่ทวีความรุนแรงต่อเนื่องทำให้ระบบสาธารณสุขในกาซากำลังจะล่มสลาย"

 

 

[ 

 

 

ไอยาด อบู ซาฮิร ผู้อำนวยการกรมรถพยาบาลและเหตุฉุกเฉินของกระทรวงฯ กล่าวว่าผู้บาดเจ็บชาวปาเลสไตน์มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในวันแรกของการปะทะมีผู้บาดเจ็บ 65 ราย และจนถึงเช้าวันอาทิตย์ (16 พ.ค.) ยอดผู้บาดเจ็บอยู่ที่มากกว่า 950 ราย และความสามารถในการดูแลจะไม่เพียงพอเนื่องจากมีผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

 

หลังเกิดการปะทะขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อิสราเอลปิดด่านพรมแดนเอเรซ (Erez Crossing) ซึ่งเป็นช่องทางข้ามพรมแดนเพียงจุดเดียวระหว่างฉนวนกาซากับอิสราเอล ทำให้การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บไปยังเขตเวสต์แบงก์และเยรูซาเล็มเป็นไปอย่างยากลำบาก

 

 

นอกเหนือจากปัญหาไฟดับเป็นเวลานาน กระทรวงฯ แสดงความกังวลเรื่องการโจมตีโรงพยาบาล หน่วยบริการปฐมภูมิ และรถพยาบาลโดยอิสราเอล ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

 

 

ยูเซฟ อบู อัล-รีช ปลัดกระทรวงฯ กล่าวว่ากองทัพอิสราเอลจงใจทิ้งระเบิดถนนเส้นหลักในฉนวนกาซา เพื่อสกัดไม่ให้บุคลากรทางการแพทย์เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บระหว่างการปะทะ

 

 

"สถานการณ์ในฉนวนกาซานั้นเลวร้ายมาก โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องเผชิญกับการระบาดของโรคโควิด-19" อาร์เม็ด อัล-นาจี ศัลยแพทย์ของโรงพยาบาลนาสเซอร์ ในเมืองคาน ยูนิส กล่าว พร้อมระบุว่าเขาไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้เลยนับตั้งแต่เกิดการปะทะระหว่างสองฝ่าย

 

 

 

อัล-นาจี วัย 42 ปี คุณพ่อลูกสี่รายหนึ่งกล่าวว่าโรงพยาบาลและศูนย์การแพทย์ทุกแห่งประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อให้การรักษาแก่ผู้บาดเจ็บ ทว่าบรรดาแพทย์ต่างเผชิญกับช่วงเวลาอันตรายที่สุด ไม่เพียงเพราะการปะทะกันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย

 

 

ก่อนการปะทะข้างต้นจะปะทุขึ้นเมื่อวันจันทร์ (10 พ.ค.) ภาคสาธารณสุขในฉนวนกาซาเผชิญกับปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ ยารักษา ตลอดจนอุปกรณ์สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 อยู่แล้ว ทั้งยังเสี่ยงเกิดการแพร่ระบาดอีกระลอกเนื่องจากคนจำนวนมากไม่ยอมปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค

 

 

อัล-นาจี เตือนว่าแม้การปะทะในขณะนี้จะยุติลง ฉนวนกาซาจะเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ครั้งร้ายแรงที่สุด โดยเฉพาะเมื่อผู้คนพูดคุยกันโดยไม่สวมหน้ากากป้องกัน

[c 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง