โนเกีย กางแผนปี’65 ส่ง X ซีรีส์ลุยตลาดสมาร์ตโฟนระดับบนในไทย พร้อม Nokia แท็บเล็ต

นายภราดร รามบุตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล จำกัด (HMD) เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมานับเป็นปีที่ท้าทายในแง่ภาพรวมตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และสมาร์ตโฟนในประเทศไทย ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและผันผวน ประกอบกับวิถีชีวิตใหม่เพื่อการเว้นระยะห่างทางสังคม ด้านการเรียนและการทำงานบนโลกออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต เพื่อสนับสนุนการใช้ชีวิตแบบออนไลน์ในราคาที่สมเหตุสมผล

สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ต้องรัดเข็มขัด ส่งผลให้ผู้บริโภคมองหา และเลือกสมาร์ตโฟนที่ราคาสบายกระเป๋า ในคุณภาพการใช้งานที่คุ้มค่า ทนทาน ตอบโจทย์ความต้องการ โนเกียได้เน้นหลักกลยุทธ์การสื่อสารการตลาด ชูจุดเด่นสมาร์ตโฟนคุณภาพตอบโจทย์การใช้งานในราคาคุ้มค่า และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างครอบคลุม ทำให้ในปีที่ผ่านมา โนเกียได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคกลุ่มเดิม และกลุ่มใหม่เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการเปิดตัว และจำหน่ายฟีเจอร์โฟน สมาร์ตโฟนไป กว่า 5 รุ่น

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของโนเกียในประเทศไทยในปี 2565 ยังคงเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมา ใน 4 แกนสำคัญ ได้แก่

แกนที่ 1 กลยุทธ์การเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพและหลากหลาย เพื่อขยายฐานลูกค้า ด้วยสมาร์ตโฟนในกลุ่ม C และ G ซีรีส์ ลงตลาดสมาร์ตโฟนระดับกลาง เพื่อให้ผู้บริโภคมีโอกาสทดลองใช้ และสัมผัสฟีเจอร์ ฟังก์ชั่นคุณภาพต่างๆ ที่มาในราคาสมเหตุสมผล สำหรับผู้บริโภคกลุ่มเริ่มใช้สมาร์ตโฟน และผู้ใช้สมาร์ตโฟนระดับราคาสมเหตุสมผล

ย้ำในปีนี้ยังคงเน้นด้านผลิตภัณฑ์ พร้อมกับแผนเปิดตัวสมาร์ตโฟนระดับบนในกลุ่ม X ซีรีส์ สมาร์ตโฟนระดับบนเพิ่มอีก เพื่อขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง รวมทั้งจะเปิดตัวแท็บเล็ตตัวแรกของโนเกียเข้าสู่ตลาดแท็บเล็ตในประเทศไทย ด้วยเป้าหมายเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคตอบโจทย์การใช้งานอย่างครอบคลุมในทุกระดับ ที่มาพร้อมความโดดเด่น ที่แตกต่างอย่างลงตัว และยังคงไว้ด้วยคุณสมบัติการใช้งาน พร้อมกับเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์โนเกีย ด้านสเป็กคุ้ม แบตอึดใช้งานได้นาน

ในแกนที่ 2 กลยุทธ์ด้านราคา ที่โนเกียจะทยอยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ซึ่งจะมาพร้อมกับราคาเครื่องที่มีทั้งราคาสำหรับกลุ่มเริ่มใช้สมาร์ตโฟนในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย ไปถึงรุ่นที่สเปกสูงสำหรับตลาดสมาร์ตโฟนระดับบน พร้อมกับการเปิดตลาดแท็บเล็ต เพื่อเป็นการให้ราคาขายเฉลี่ยต่อเครื่องในภาพรวมเพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ ปัจจุบันราคาจำหน่ายสมาร์ตโฟนโนเกียเฉลี่ย 2,000 บาทต่อเครื่อง ในปี 2564 เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 3,000 ต่อเครื่อง และในปีนี้ตั้งเป้าขยับราคาเฉลี่ยเป็น 6,000 บาทต่อเครื่อง

แกนที่ 3 การขยายช่องทางขายที่มีประสิทธิภาพตอบโจทย์ตลาดและผู้บริโภค โดยการมองหาพันธมิตรที่ดีมีศักยภาพตรงกลุ่มเป้าหมาย ผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศกว่า 4,000 สาขา

สุดท้ายแกนที่ 4 การสื่อสารการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์โนเกียให้แข็งแรงในตลาดประเทศไทย ภายใต้แนวคิด Love it. Trust it. Keep it. เน้นส่งมอบผลิตภัณฑ์ถึงมือผู้บริโภค พร้อมมอบประสบการณ์ให้เกิดความรู้สึกรักและไว้ใจในผลิตภัณฑ์ สามารถใช้งานได้นาน ด้วยความอึดของแบตเตอรี่ ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์รองรับการอัพเกรดได้นาน 2 ปี พร้อมบริการหลังการขาย Nokia Mobile Care Delivery อยู่ที่ไหนก็ซ่อมได้ ซึ่งเป็นจุดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นของแบรนด์ Nokia โดยในปี 2565 ตั้งเป้าเติบโต 100% ในประเทศไทย